Category Archives: นิทานชาดก

นิทานชาดก วานรินทชาดก : ลิงหลอกเข้

นิทานชาดก วานรินทชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก วานรินทชาดก : ทรงปรารภการพยายามปลงพระชนม์ของพระเทวทัตที่มีต่อพระองค์ อยู่หลายครั้ง ที่ไม่ใช่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แต่ไม่ว่าชาติไหนหากเกินมาเจอกัน จะเป็นมานุษย์หรือสัตว์ก็ตาม พระเทวทัตก็คิดประทุษร้ายพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ แล้วทรงนำนิทานมาเล่าให้ฟัง

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีลิงหนุ่มร่างกายกำยำตัวหนึ่ง อาศัยอยู่แนวฝั่งแม่น้ำ กลางแม่น้ำนั้นมีเกาะแห่งหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลหมากรากไม้นานาชนิด ลิงตัวนี้มีกำลังวังชามาก จึงสามารถกระโดดจากฝั่งไปยังเกาะนั้นได้ โดยอาศัยแผ่นหินที่อยู่ระหว่างฝั่งกับเกาะเป็นตัวช่วย แล้วจึงกระโดดจากแผ่นหินนั้นข้ามไปยังเกาะอีกทีหนึ่ง มันเที่ยวเล่นอยู่ที่นั่นทั้งวัน จนกระทั่งเย็นจึงกระโดดข้ามกลับไปยังที่อยู่ของมัน มันทำเช่นนี้อยู่เป็นประจำทุกวัน

ในครั้งนั้น มีจระเข้ตัวหนึ่งอาศัยอยู่กับเมียสาวในน่านน้ำนั้นด้วย ฝ่ายจระเข้ตัวเมียที่กำลังท้องเห็นลิงกระโดดข้ามไปมาดังนั้นก็เกิดแพ้ท้อง อยากกินหัวใจลิงขึ้นมาทันใด

นิทานชาดก กัญจนขันธชาดก : ทองคำใต้ดินในถิ่นของผู้หวงแหน

นิทานชาดก กัญจนขันธชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก กัญจนขันธชาดก : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ต้องการจะสึกเพราะคิดว่าตนไม่อาจรักษาศีลที่มีมากมายนั้นได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงย่อศีลทั้งหมดเหลือ 3 ข้อ คือ การไม่ประพฤติผิดทางกาย ทางวาจา และทางใจ ภิกษุรูปนั้นเมื่อกลับไปก็พิจารณาว่าจริงๆแล้วศีลมากมายนั้นมันก็มีแค่ 3 ข้อนี้เอง แล้วเจริญวิปัสนาจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีชาวนาคนหนึ่งเข้าไปทำนาในเขตบ้านร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นบ้านของมหาเศรษฐี ก่อนตายเขาได้ฝังทองแท่งขนาดใหญ่เท่าโคนขา ยาวประมาณ 4 ศอกไว้ที่นั่นด้วย เมื่อเศรษฐีตายไป ครอบครัวเขาก็ย้ายบ้านไปอยู่ในเมือง ปล่อยให้ที่ตรงนั้นรกร้างว่างเปล่า

นิทานชาดก ปัญจาวุธชาดก : กุมารหัวร้อน สู้กับยักษ์ขนเหนียว

นิทานชาดก ปัญจาวุธชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ปัญจาวุธชาดก : เมื่อพระพุทธเจ้าได้ยินว่าภิกษุรูปหนึ่งมีความเพียรย่อหย่อน จึงทรงเรียกมาถามว่าจริงหรือไม่ พระภิกษุนั้นตอบว่าจริง พระพุทธองค์จึงได้ตรัสให้กำลังใจว่า แม้ในอดีตบัณฑิตทั้งหลายได้ทำความเพียรในที่อันสมควรก็สามารถบรรลุถึงราชสมบัติได้ แล้วจึงนำเรื่องในอดีตมาเล่า

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

พระองค์มีพระโอรสองค์หนึ่ง นามว่า “ปัญญาวุธกุมาร” เมื่อพระโอรสเจริญวัยขึ้น พระองค์ได้ส่งไปศึกษาศิลปวิทยา ณ กรุงตักศิลา

พระราชกุมารศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยา ที่เมืองตักศิลา เป็นเวลาหลายปี จนจบหลักสูตร อาจารย์ได้มอบอาวุธ 5 ชนิดด้วยกันคือ พระขรรค์ ธนู หอก ขวาน และตะบอง เป็นอาวุธประจำกาย เมื่อกราบลาพระอาจารย์แล้วพระองค์จึงเดินทางเพื่อเสด็จกลับยังพระนคร ในระหว่างทาง พระองค์ต้องผ่านป่าซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์ดุร้ายตนหนึ่งชื่อว่า “สิเลสโลม” ชาวบ้านเห็นพระกุมารก็พากันห้าม

นิทานชาดก ผลชาดก : เตือนแล้วนะ! อย่ากินมะม่วง

นิทานชาดก ผลชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ผลชาดก : มีอุบาสกในเมืองสาวัตถีคนหนึ่งได้นิมนต์พระพุทธเจ้าและหมู่พระภิกษุสงฆ์ไปยังสวนของตน เมื่อได้ถวายของขบฉันแล้ว จึงหันไปสั่งกับคนสวนของเขาว่าให้พาพระภิกษุทั้งหลายเที่ยวชมสวนและถวายผลไม้ต่างๆแก่ท่านด้วย คนเฝ้าสวนรับคำ แล้วพาภิกษุสงฆ์เที่ยวไปในสวนดูต้นไม้และผลไม้ด้วยความชำนาญ จนพระต่างพากันชื่นชมโจษขาน พระพุทธเจ้าจึงเล่าให้ฟังว่า คนที่ชำนาญในการดูผลไม้นั้นไม่ได้มีแค่เพียงท่านนี้ แม้ในอดีตก็เคยมีมาแล้ว

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีพ่อค้าเกวียนคนหนึ่งบรรทุกเกวียนห้าร้อยเล่มออกไปค้าขายยังต่างเมืองพร้อมกับลูกน้องอีกหลายร้อยคน ครั้งหนึ่งต้องเดินทางไกลผ่านป่าแห่งหนึ่ง ในขณะที่อยู่ชายป่า เขาได้บอกกับลูกน้องว่า

“เดี๋ยวเราจะต้องเดินทางเข้าป่าแล้ว ในป่ามีผลหมากรากไม้จำนวนมากที่มีพิษ หากผลไม้ต้นไหนที่พวกเจ้าไม่เคยกินหรือเห็นผิดสังเกต ให้มาถามเราก่อนนะ”

“ครับ หัวหน้า” ลูกน้องต่างก็เชื่อฟัง

และในไม่ช้าไม่นาน ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งมาหาหัวหน้าพ่อค้าเกวียน

“หัวหน้า ตรงโน้นมีต้นมะม่วงสุกเต็มต้นเลย ท่านลองไปดูสิครับ ลูกโตน่ากินชะมัด”

นิทานชาดก ปุณณปาติชาดก : พิษร้ายในไหเหล้า

นิทานชาดก ปุณณปาติชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ปุณณปาติชาด : มีนักเลงสุราในเมืองสาวัตถี ตั้งวงปรึกษากันว่าเงินค่าเหล้าหมดแล้วจะทำอย่างไรดี คนขี้เมาในวงนั้นจึงเสนอขึ้นว่าให้หลอกมอมเหล้าท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี แล้วปล้นทรัพย์ แต่อนาถบิณฑิกเศรษฐีรู้ทันจึงขับไล่พวกคนขี้เมานั้นไป พระพุทธเจ้าจึงปรารถถึงเหล้าเจือยาพิษของเหล่าคนเมา ว่าไม่ใช่แค่ชาตินี้ที่คนเหมาคิดจะมอมเหล้าเศรษฐี แม้ในอดีตก็เคยมีมาก่อนแล้ว

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

พวกนักเลงสุราในเมืองกำลังตั้งวงขบคิดกันว่า เงินค่าเหล้าหมดแล้วจะเอาเงินจากไหนมาซื้อเหล้าดื่มได้อีก

“เฮ้ย พวกแกไม่ต้องห่วง ข้ามีวิธีดีๆ ที่จะได้เงินมาซื้อเหล้าแล้วว่ะ” ขี้เมาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น

“ทำไงวะ” เพื่อนๆ ในวงเหล้าถาม

“ทุกวันจะมีเศรษฐีคนหนึ่ง เดินผ่านมาทางนี้เพื่อไปเข้าเฝ้าพระราชา เราก็หาทางมอมเหล้ามันซิ แล้วก็ปล้นมันเลย”

“เออ จริง เอาตามนี้แหละ” ทุกคนเห็นด้วย ว่าแล้วก็เตรียมไหสุราผสมยาพิษรอท่าไว้

นิทานชาดก ทุมเมธชาดก : พระราชโอรสผู้มีปัญญา นำพาทุกชีวาให้พ้นภัย

นิทานชาดก ทุมเมธชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ทุมเมธชาดก :  พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการบำเพ็ญประโยชน์แก่โลก แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้


ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี
พระองค์มีพระราชโอรสองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พรหมทัตราชกุมาร เมื่อพระกุมารมีพระชันษาครบ 16 ปีก็ได้ทรงศึกษาศิลปะในเมืองตักกสิลา ทรงเจนจบไตรเพท และทรงสำเร็จศิลปศาสตร์ 18 ประการ ต่อมาพระราชบิดาทรงพระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่พระองค์

ครั้งนั้นชาวเมืองพาราณสีนิยมฆ่าสัตว์เซ่นสรวงบูชาเทวดากันทั้งเมือง โดยพวกเขาเชื่อว่าเทวดาเป็นผู้อำนวยความสุขความเจริญให้

ฝ่ายพรหมทัตกุมาร เมื่อได้เป็นมหาอุปราชแล้วก็ทรงดำริว่า

‘ขณะนี้ชาวเมืองฆ่าสัตว์บูชาเทวดากันมาก โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการสร้างบาป เราควรที่จะหาทางให้พวกเขาเลิกลัทธิบาปหนานี่เสียดีกว่า’

นิทานชาดก นักขัตตชาดก : รอฤกษ์ ดีไหม

ทานชาดก นักขัตตชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก นักขัตตชาดก : ทรงปรารภอาชีวกคนหนึ่งที่ทำลายพิธีมงคลสมรสด้วยการบอกว่าฤกษ์ไม่ดี เรื่องมีอยู่ว่า มีชายหนุ่มบ้านนอกนัดวันจะไปสู่ขอสาวในเมืองสาวัตถี แต่เมื่อถึงวันนัด พอดีมีอาชีวกะคนคุ้นเคย ได้เข้ามาหา ชายหนุ่มจึงถามดูฤกษ์ยาม อาชีวกะนึกโกรธอยู่แล้วที่ไม่ไปปรึกษาแต่แรก จึงบอกว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดี หากทำการมงคลจะพินาศใหญ่หลวง ชายหนุ่มนั้นจึงยังไม่ไป แต่ไปอีกทีในวันรุ่งขึ้น ฝ่ายพ่อเจ้าสาวเมื่อเห็นว่าเจ้าบ่าวผิดนัดก็โกรธมากแล้วยกเจ้าสาวให้คนอื่นไป ทั้งสองฝ่ายจึงทะเลาะวิวาทกันยกใหญ่ ในที่สุดฝ่ายชายก็ต้องยอมแพ้และกลับบ้านไป

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี
ครอบครัวชายหนุ่มจากตระกูลในเมืองได้ไปสู่ขอหญิงสาวชาวชนบท นัดวันกันไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะจัดงานแต่งงานกันในวันนั้นวันนี้
เมื่อถึงวันกำหนดการแต่งงาน ชายหนุ่มกำลังจะเดินทางเพื่อไปงานแต่ง ที่บ้านเจ้าสาว พอดีมีอาชีวกผู้ที่คุ้นเคยกับครอบครัวชายหนุ่มเดินผ่านมา

“พวกเจ้าจะไปไหนกันรึ” อาชีวกถาม

“อ๋อท่านอาจารย์ พวกข้าจะพาลูกชายไปแต่งงานที่บ้านนอกน่ะครับ ..แต่ไหนๆ ท่านก็มาแล้ว ช่วยดูฤกษ์ให้หน่อยสิครับว่าแต่งวันนี้จะดีไหม” พ่อของชายหนุ่มตอบ

อาชีวก นึกไม่พอใจอยู่แล้วที่ไม่มาปรึกษาตนแต่แรก จึงตอบไปว่า

นิทานชาดก เวทัพพชาดก : ร่ายมนต์เรียกฝนเงินทอง

นิทานชาดก เวทัพพชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก เวทัพพชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้ว่ายากคนหนึ่ง ซึ่งในอดีตชาติก็เป็นผู้ว่ายากเช่นเดียวกัน เพราะไม่ทำตามคำของบัณฑิต จนถึงกับทำให้ตัวต้องตาย และคนอื่นอีกนับพันก็ต้องตายไปด้วย

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีพราหมณ์คนหนึ่ง รู้วิชาการร่ายมนต์เรียกแก้วเจ็ดประการ หากวันใดฤกษ์งามงามดี เมื่อแกสาธยายมนต์บทที่ชื่อ เวทัพพะนี้แล้ว จะมีรัตนชาติต่างๆตกลงมาจากฟ้าอย่างน่าอัศจรรย์

อยู่มาวันหนึ่งพราหมณ์ได้พาศิษย์คนโปรดออกเดินทางไปต่างเมือง ในระหว่างทางกลางป่าใหญ่ ถูกพวกโจรห้าร้อยคนจับตัวไว้แล้วปล่อยศิษย์ให้กลับมาหาเงินค่าไถ่ตัวพราหมณ์ผู้เป็นอาจารย์ ก่อนลูกศิษย์จะจากไป ได้กำชับอาจารย์ว่า

“อาจารย์… ถึงอย่างไรฉันต้องกลับมาแน่ ไม่ว่าจะอย่างไรอาจารย์ห้ามร่ายมนต์บทนั้นเป็นอันขาด ไม่เช่นนั้นอาจารย์จะมีอันตราย นะขอรับ”

“เออ.. ข้ารู้น่า เอ็งรีบไปรีบมาก็แล้วกัน” พราหมณ์รับคำ

พอตกเย็น พวกโจรได้ลากตัวพราหมณ์ไปมัดไว้ที่กลางแจ้งแห่งหนึ่ง เมื่อพราหมณ์ได้เห็นพระจันทร์ขึ้นมาทางทิศตะวันออก ก็แลดูอากาศ เห็นว่าวันนี้เป็นวันฤกษ์ดีที่ฝนแก้วเจ็ดประการจะตกลงมาได้  จึงคิดอยากช่วยตัวเองให้พ้นจากความทรมาน เลยร้องถามพวกโจรไปว่า 

นิทานชาดก อารามทูสกชาดก : ลิงรดน้ำต้นไม้

นิทานชาดก อารามทูสกชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก อารามทูสกชาดก : มีชายคนหนึ่งในแคว้นโกศล นิมนต์พระพุทธเจ้าและหมู่พระภิษุสงฆ์ไปที่สวนของตน เมื่อได้ถวายของขบฉันเรียบร้อยแล้ว ก็นิมนต์พระให้เที่ยชมสวน พระภิกษุเดินเที่ยวชมสวนไปกับนายอุทยานบาล เห็นที่โล่งเตียนแห่งหนึ่งจึงถามว่าทำไมตรงนี้ไม่มีต้นไม้เลยทั้งๆที่บริเวณอื่นมีต้นไม้เขียวชอุ่มร่มรื่น คนเฝ้าสวนตอบว่า เมื่อตอนสร้างอุทยานนี้ มีเด็กชาวบ้านคนหนึ่งเมื่อจะรดน้ำต้นไม้ทีไรต้องถอนต้นไม้นั้นขึ้นมาดูรากเสียก่อนแล้วจึงรดน้ำตามความสั้นยาวของรากต้นไม้ ด้วยเหตุนี้ต้นไมที่ปลูกใหม่เหล่านั้นก็เหี่ยวแห้งตายไป เหลือแต่ที่โล่งเตียนเช่นนี้ พระภิกษุจึงนำความมากราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงปรารภถึงเด็กชายผู้นั้นว่าเมื่ออดีตก็เคยทำอย่างนี้มาแล้ว

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

ทุกๆ ปี พระองค์จะรับสั่งให้จัดงานนักขัตฤกษ์ประจำปีขึ้นที่หน้าพระลานหลวง มีมหรสพและการละเล่นเป็นที่สนุกสนานยิ่ง

และในวันนักขัตฤกษ์ประจำปีคราวหนึ่งคนเฝ้าพระราชอุทยานอยากจะไปเที่ยวงานกับเขาบ้าง จึงเรียกลิงตัวหัวหน้าที่อาศัยอยู่ในอุทยานนั้นมาแล้วสั่ง

“นี่เจ้าลิง เจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่มานาน ได้ร่มเงาต้นไม้พวกนี้เป็นที่พักพิง… วันนี้มีงานที่พระลานหลวง ข้าจะฝากเจ้าดูแลต้นไม้พวกนี้หน่อยจะได้ไหม”

นิทานชาดก กโปตกชาดก : นกพิราบใจดีกับกาขี้ขโมย

นิทานชาดก กโปตกชาดก นกพิราบกับกาขี้ขโมย

เหตุที่ตรัสชาดก กโปตกชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้มีความโลเลรูปหนึ่ง ในครั้งนั้น พระภิกษุทั้งหลายพาภิกษุนั้นมากราบทูลพระศาสดาว่า พระรูปนี้มีนิสัยโลเล พระพุทธเจ้าถามว่าจริงหรือไม่ พระนั้นตอบว่าจริง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ไม่ใช่แค่ในชาตินี้เท่านั้นที่เธอโลเล แม้ในอดีต เธอก็เป็นคนโลเล สิ้นชีวิตเพราะความโลเลของตน แม้บัณฑิตผู้อาศัยเธอ ก็ต้องพลัดพรากจากที่อยู่ไปด้วย

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

ชาวเมืองนิยมแขวนกระเช้าหญ้าไว้นอกระเบียงเพื่อให้ฝูงนกทั้งหลายได้อาศัยอยู่กันอย่างสบาย

ครั้งนั้นพ่อครัวของเศรษฐีได้แขวนกระเช้าไว้ในครัวด้วย ต่อมามีนกพิราบตัวหนึ่งบินมาอาศัยอยู่ในกระเช้านั้น พอรุ่งเช้ามันก็ออกไปหากิน ตกเย็นจึงกลับมานอนในกระเช้าของมัน

อยู่มาวันหนึ่งมีกาตัวหนึ่งบินผ่านมาทางโรงครัว มันได้กลิ่นเนื้อกลิ่นปลา ก็นึกอยากจะกินเนื้อกินปลาในครัวเต็มประดา จึงคิดหากลอุบายอยู่ ครั้นตกเย็นจึงได้เห็นนกพิราบกลับมา มันคิดจะอาศัยอยู่กับนกพิราบ ด้วยหวังจะกินเนื้อให้ได้ คิดแล้วก็บินกลับไปยังที่อยู่ของมัน

รุ่งเช้าก็บินมาจับอยู่ใกล้โรงครัวนั้น พอเห็นนกพิราบบินออกจากครัว ก็ออกบินติดตามไปใกล้ๆ