Category Archives: นิทาน เรื่องของมนุษย์

นิทานชาดก สุหนุชาดก : ร้ายกับร้ายเจอกัน จะไม่ทำร้ายกัน

สุหนุชาดก

สาเหตุที่พระพุทธเจ้าทรงเล่า นิทานชาดก สุหนุชาดก : ได้พูดถึงพระภิกษุ 2 รูปที่เป็นคนดุร้ายอยู่กับใครก็ไม่ได้ แต่เมื่อทั้ง 2 มาเจอกันก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน

กาลครั้งหนึ่ง เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในกรุงพาราณสี พระองค์มีอำมาตย์ผู้เป็นเจ้าหน้าที่ซื้อม้าที่มีความยุติธรรมอยู่คนหนึ่ง อำมาตย์คนนี้ได้ซื้อม้าจากพ่อค้าในราคาอันสมควร

ต่อมาพระราชาเห็นว่า เป็นการสิ้นเปลืองพระราชทรัพย์เกินไป เพราะราคาม้าก็ไม่ใช่น้อย จึงให้คนเก่าพ้นจากหน้าที่ แล้วทรงแต่งตั้งให้อำมาตย์คนใหม่เข้ามาทำแทน โดยทรงบอกอุบายแก่อำมาตย์คนใหม่ว่า

“เมื่อพ่อค้านำม้ามาขาย เจ้าจงปล่อยม้าที่ชื่อมหาโสณะ ตัวดุร้าย  ออกไปกัดม้าพวกนั้นให้เป็นแผลเสียก่อน แล้วค่อยตกลงซื้อม้ากัน เจ้าจะได้ต่อราคา ซื้อม้าได้ในราคาที่ถูกลง”

อำมาตย์คนใหม่ก็ทำตาม พวกพ่อค้าก็ต้องจำยอม ต้องยอมขายม้าให้กับวังในราคาที่ถูกมาก แล้วนำเรื่องไปบอกอำมาตย์คนเก่า

“พวกเราแย่แล้วล่ะท่าน อุตส่าห์เลี้ยงม้ามาเป็นอย่างดี ม้าเราก็แข็งแรงล่ำสัน ต้องมาโดนอุบายของพระราชา ให้เจ้าม้ามหาโสณะตัวร้ายมันมากัดม้าของเรา พอม้าพวกเราบาดเจ็บ
เจ้าหน้าที่ก็ซื้อม้าในราคาที่ถูกเกินไป จนพวกเราขาดทุนกันย่อยยับ เห้อ แย่จริงๆ พวกเราจะทำยังไงกันดี”

“แล้วพวกท่านมีม้าตัวดุร้ายบ้างหรือเปล่าละ”  อำมาตย์คนเก่าถาม

“มีครับมี มันชื่อสุหนุ มีนิสัยก้าวร้าว ดุร้ายมาก ม้าตัวอื่นไม่กล้าเข้าใกล้เลย” พวกพ่อค้าตอบ

“ถ้างั้นเอางี้นะ  คราวหน้าเมื่อพวกท่านมาขายม้า ก็ให้พาม้าสุหนุมาด้วย”

“ท่านจะให้ม้ามันมาสู้กันเหรอ” พ่อค้าม้าตะโกนถามด้วยความตกใจ

“เอาเถอะน่า เชื่อเราเถอะ มันไม่สู้กันถึงตายหรอก”  อำมาตย์คนเก่ามีแผนในใจ

 

ครั้งต่อมา เมื่อพ่อค้านำม้ามาขายก็ได้พาม้าสุหนุมาด้วย อำมาตย์เจ้าหน้าที่ซื้อม้าของพระราชา จึงปล่อยม้า มหาโสณะออกไป เพื่อให้มันกัดม้าของพวกพ่อค้าเหมือนเดิม

พวกพ่อค้ารู้ทันจึงทำตามแผนโดยการปล่อยม้าสุหนุเข้าไป พวกเขาหวังจะเห็นม้าดุร้ายทั้งสองตัวสู้กัน แต่กลายเป็นว่า ม้าทั้งสองกลับทำตัวเรียบร้อย ต่างก็เลียร่างกายให้กัน เหมือนรู้จักกันมานาน

นิทานชาดก สัญชีวชาดก : ช่วยเสือ ตายเพราะเสือ

สัญชีวชาดก : ช่วยเสือ ตายเพราะเสือ

เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสชาดก สัญชีวชาดก : ทรงปรารภพระเจ้าอชาตศัตรูที่ไปคบหากับพระเทวทัตจนเลยเถิดไปทำการปลงพระชนม์พระราชบิดา ทำให้ในชาตินี้พระเจ้าอชาตศัตรูไม่อาจบรรลุธรรมใดๆได้

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เกิดในสกุลพราหมณ์ผู้มั่คั่ง เมื่อเจริญวัยและสำเร็จการศึกษาแล้วก็ได้ไปเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในนครพาราณสี มีลูกศิษย์ 500 คน ในบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นมีเพียงหนึ่งคนที่ได้เรียนวิชาชุบชีวิตคนที่ตายแล้วให้กลับมามีชีวิตใหม่ แต่ยังไม่ทันได้เรียนมนต์แก้และป้องกัน เขาชื่อว่า สัญชีวะ

วันหนึ่งเขาไปเข้าป่าเพื่อหาฟืนกับเพื่อนๆ เห็นเสือนอนตายอยู่ จึงพูดกับเพื่อนว่า

พวกแกคอยดูนะ ฉันจะทำให้เสือตัวนี้ฟื้นขึ้นมา”

ขี้โม้หรือเปล่า แกทำไม่ได้หรอก มันตายแล้วมันจะฟื้นได้ยังไง” เพื่อนไม่เชื่อ

 

ฉันทำได้น่า พวกแกคอยดู” เขายังยืนยัน

ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู” เพื่อนๆยอม แล้วก็รีบปีนขึ้นต้นไม้ไปดูนายสัญชีวะทำการร่ายมนต์ 

นิทานชาดก โคธชาดก : ฤาษีอยากกินเหี้ย

นิทานชาดก โคธชาดก : ฤาษีอยากกินเหี้ย

เหตุที่ตรัสชาดก โคธชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี

พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นเหี้ย อาศัยอยู่ที่จอมปลวกแห่งหนึ่งใกล้กับอาศรมของฤาษีผู้สำเร็จอภิญญา ชาวบ้านช่วยกันบำรุงพระดาบสนั้นด้วยความเคารพ เจ้าเหี้ยก็ได้ไปฟังธรรมจากท่านวันละ 3 เวลาด้วยเช่นกัน

ต่อมา พระดาบสได้อำลาชาวบ้านเพื่อจะเดินทางไปอาศัยอยู่ตำบลอื่น ผ่านมาไม่นานก็มีฤาษีจอมโกงมาอาศัยอยู่แทน ชาวบ้านและเจ้าเหี้ยก็เข้าใจว่าฤาษีผู้นี้เป็นผู้มีศีล ผู้ปฏิบัติดี

อยู่มาวันหนึ่งในฤดูแล้ง มีฝนตกลงมาทำให้ฝูงแมลงเม่าออกมาจากจอมปลวก ฝูงเหี้ยก็พากันออกมาหากินแมลงเม่าเหล่านั้น พวกชาวบ้านก็ออกจับเหี้ยเอามาปรุงอาหาร จัดทำเป็นเนื้อส้ม รุ่งเช้าจึงเอามาถวายพระฤาษี

ฤาษีฉันเนื้อส้มนั้นแล้วก็ติดใจ จึงถามชาวบ้านว่านี่มันเนื้ออะไร พอรู้ว่าเป็นเนื้อเหี้่ย จึงคิดในใจว่า ปกติก็มีเหี้ยตัวหนึ่งชอบเข้ามาในสำนักของเรา เราจะฆ่าเพื่อจะกินเนื้อมันให้ได้ จึงสั่งให้คนขนภาชนะสำหรับต้มแกงและเครื่องปรุงต่างๆมาวางไว้ข้างหนึ่ง ส่วนตัวเองได้ถือค้อนไม้ซ่อนไว้ด้วยผ้าห่ม แล้วนั่งรอคอยการมาของเจ้าเหี้ยอย่างสงบเสงี่ยม

นิทานชาดก พัพพุชาดก : แมวเสียท่า ลีลาหนู

นิทานชาดก พัพพุชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก พัพพุชาดก : ทรงปรารภการบัญญัติสิกขาบทของพระภิกษุในเรื่องการรับอาหาร คือ นางกาณาที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน สามีนางได้ส่งคนมาบอกให้รีบกลับบ้าน แม่ของนางกาณาได้บอกว่าจะทอดขนมฝากไป แต่เวลาเดียวกันนั้น ได้มีพระภิกษุเดินมาบิณฑบาติ แม่ของนางกาณาจึงได้ใส่บาตรด้วยขนมนั้น แล้วก็ทอดใหม่ เป็นอย่างนี้ถึง 4 ครั้ง สุดท้ายสามีนางยื่นคำขาดว่าถ้ายังไม่กลับ เขาจะไปมีภรรยาใหม่ แต่แม่นางกาณาก็ยังทอดขนมไม่เสร็จ นางกาณาจึงยังไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ สามีนางจึงได้ทิ้งนางกาณาไปมีภรรยาใหม่

 

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีเศรษฐีคนหนึ่งฝังเงินไว้ 40 โกฏิ เมื่อเวลาจะตายก็มอบให้ภรรยาดูแล และด้วยความเป็นห่วงในทรัพย์นั้นเมื่อภรรยาเขาตายลงก็มาเกิดเป็นหนูเฝ้าขุมทรัพย์ของตน ส่วนเศรษฐีนั้นไร้ผู้สืบสกุล บ้านจึงขาดคนดูแลและกลายเป็นบ้านร้างโดยลำดับ

ครั้งนั้นมีช่างสลักหินคนหนึ่งเดินทางมาถึงบ้านร้างแห่งนี้ ได้ขุดหินในบ้านไปสลัก นางหนูเมื่อเห็นช่างสลักหินบ่อยเข้าก็เกิดความรักจึงคิดในใจว่า

เรามีเงินอยู่มากมายแต่ก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้ เราควรทำความรู้จักกับชายคนนี้สักหน่อย’ คิดได้ดังนั้นนางหนูก็คาบเงิน 1 กหาปณะไปมอบให้ช่างแกะสลักแล้วบอกว่า

ฉันให้”

ชายหนุ่มทำหน้าฉงนแล้วถามกลับว่า

เธอต้องการอะไรหรือ ให้เงินฉันทำไม”

ฉันให้เงินท่านไปซื้อเนื้อมาให้ฉันกินบ้างนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือท่านก็เก็บไว้เถอะ”

งั้นก็ได้ ฉันจะจัดการให้” ชายหนุ่มรับคำ

ว่าแล้วเขาก็เข้าเมืองไปซื้อเนื้อมาให้หนู และหนูก็ให้เงินเขา 1 กหาปณะ เป็นเช่นนี้ทุกวัน

ต่อมาอีกหลายวัน มีแมวตัวหนึ่งตะครุบหนูไว้ได้ นางหนูจึงร้องขอชีวิต

อย่ากินฉันเลย ฉันตัวนิดเดียวไม่พออิ่มท้องหรอกจ้ะ พ่อแมว”

นิทานชาดก สุวรรณหังสชาดก : หงส์ทองถูกถอนขน

สุวรรณหังสชาดก

เหตุที่ตรัส สุวรรณหังสชาดก : ทรงปรารภภิกษุณี ชื่อ ถุลลนันทา ที่ไปขนกระเทียมที่บ้านเจ้าภาพอย่างไม่รู้ประมาณ

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีพราหมณ์คนหนึ่ง มีลูกสาว3 คน ชื่อ นางนันทา นางนันทวดีและนางสุนันทา ต่อมาได้แต่งงานและไปอยู่กินบ้านสามี ส่วนพราหมณ์ผู้บิดาก็ตายไปเกิดเป็นหงส์ทอง

หงส์ทองตัวนั้น เมื่อเติบโตมาก็ระลึกชาติได้ จึงนึกถึงภรรยาและลูกสาวเห็นว่าต้องเลี้ยงชีพด้วยความแร้นแค้นจึงคิดจะสงเคราะห์ด้วยการให้ขนทองคำของตนไว้ครั้งละ 1 ขน เพื่อคนทั้งสี่ จะได้อยู่กันอย่างสุขสบาย

พญาหงส์ทองจึงบินไปที่บ้าน ภรรยาเขาเห็นเข้าจึงเอ่ยถาม

พ่อคุณ เจ้ามาจากไหนกันเล่า”’

 

เราคือสามีของเจ้าที่ตายไป ได้มาเกิดเป็นหงส์ทองอยู่ที่ป่าหิมพานต์ และเห็นว่าพวกเจ้าอยู่กันอย่างลำบาก เราจะให้ขนทองคำของเราแก่พวกเจ้า เอาไปขายเป็นการเลี้ยงชีพ” ว่าแล้วเจ้าหงส์ทองก็สลัดขนของตนไว้

นางพราหมณีและลูกสาวได้เอาขนทองคำนั้นไปจำหน่ายขายกินเลี้ยงชีวิตให้ดีขึ้นโดยลำดับ ส่วนหงส์ทองก็ไปมาหาสู่อยู่เรื่อยๆ และสลัดขนทิ้งไว้ให้ทุกครั้ง

วันหนึ่งนางพราหมณีปรึกษากับลูกๆว่า

นิทานชาดก สาลิตตกชาดก : ดีดขี้แพะเข้าปาก แก้คนพูดมากได้ชะงัด

สาลิตตกชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก สาลิตตกชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้ฆ่าหงษ์ด้วยการดีดกรวด

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีคนง่อยเปลี้ยคนหนึ่งชำนาญในการดีดกรวด พวกเด็กชาวบ้านให้เขาดีดกรวดทำใบไม้เป็นรูปต่างๆ ที่ต้นไทรใหญ่ต้นหนึ่ง โดยให้ค่าจ้างคนละเล็กละน้อยตามประสา

วันนั้นพระเจ้าพรหมทัต เสด็จประพาสพระราชอุทยาน ได้เสด็จผ่านมายังที่นั้นพวกเด็กๆเห็นเข้าก็กลัว พากันวิ่งหนีไป ทิ้งบุรุษง่อยเปลี้ยไว้แต่ผู้เดียว

เมื่อพระราชาเสด็จไปถึง ได้ทอดพระเนตรเห็นใบไม้เป็นรูปสัตว์ต่างๆเต็มไปหมด จึงรับสั่งถามขึ้นด้วยความสนพระทัย

ใครเป็นคนทำนี่?”

บุรุษเปลี้ยคนหนึ่งเป็นผู้กระทำพระเจ้าข้า” ราชองครักษ์ตอบ

แล้วเขาอยู่ที่ไหนล่ะ” พระราชาถามต่อ

นายทหารจึงพากันค้นหาแล้วพาตัวไปเฝ้าพระราชา

เจ้าเป็นคนทำเองรึนี่” พระราชาตรัสถามอีกครั้ง

พระเจ้าข้า ข้าพเจ้าเป็นคนทำ” คนง่อยทูลตอบ

อืมเจ้าสามารถทำให้ปุโรหิตปากมากของข้า เลิกพูดมากได้ไหม” พระราชาถามต่อ 

นิทานชาดก มหาสารชาดก : อุบายแยบยลช่วยคนพ้นภัย

มหาสารชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก มหาสารชาดก : ทรงปรารภพระอานนท์ที่ออกอุบายให้คนขโมยแก้วมณีของพระเจ้าโกศลนำมาคืน

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

วันหนึ่งหลังจากเสด็จพระพาสอุทยานพร้อมด้วยมเหสี ก่อนจะทรงกีฬาในสระโบกขรณี พระมเหสีได้เปลื้องเครื่องประดับพระศอวางไว้ที่ผ้าสไบ ให้นางกำนัลทั้งหลายนั่งเฝ้า

นางลิงตัวหนึ่งเห็นเครื่องประดับนั้นก็นึกอยากได้ อาศัยจังหวะที่นางกำนัลเผลอหลับ กระโดดลงจากต้นไม้ หยิบสร้อยคอมาสวมแล้วกระโดดกลับไป เอาไปซ่อนไว้ในโพรงไม้

ฝ่ายนางกำนัลเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นเครื่องประดับ ก็ตกใจจนหน้าซีด ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ตะโกน

ขโมย! คนขโมยสร้อยพระศอพระมเหสีวิ่งหนีไปแล้ว!”พวกทหารได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งมาดู แล้วไปกราบทูลพระราชา พระราชามีรับสั่งให้จับขโมยคนนั้นให้ได้

ทหารจึงรีบวิ่งลนลานไปหาตัวผู้ก่อเหตุ ขณะนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งกำลังนั่งตกเบ็ดอยู่ได้ยินเสียงทหารมาก็ตกใจกลัวรีบวิ่งหนีไป ทหารเห็นพิรุษจึงตามจับตัวเขาไปเฝ้าพระราชา

เจ้าขโมยเครื่องประดับของมเหสีเราไปรึ!” พระราชาตวาด

ชายคนนั้นคิดว่าหากปฏิเสธ คงจะต้องโดนลงทัณฑ์จนตายแน่ๆ จึงต้องจำยอม

..พระเจ้าข้า”

แล้วเจ้าเอาไปไว้ที่ไหน” พระราชาถามต่อ

ข้าพระองค์นำไปให้ท่านเศรษฐีแล้วพระเจ้าข้า” เขาซัดทอด

พระราชารับสั่งให้เศรษฐีเข้าเฝ้า

ข้าพระองค์นำไปให้ท่านปุโรหิแล้วพระเจ้าข้า” เศรษฐีทูลตอบ

พระราชารับสั่งให้ปุโรหิตเข้าเฝ้า

ข้าพระองค์นำไปให้นักร้องที่บ้านแล้วพระเจ้าข้า” ปุโรหิตทูลตอบ

พระราชารับสั่งให้นักร้องเข้าเฝ้า

ข้าพระองค์นำไปให้หญิงโสเภณีแล้วพระเจ้าข้า” ปุโรหิตทูลตอบ

พระราชารับสั่งให้โสเภณีเข้าเฝ้า

หม่อมฉันไม่รู้เรื่องเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เอาไป” นางโสเภณีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา

เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้พระราชาจึงให้จับคนทั้ง 5 ไว้ก่อน แล้วค่อยสอบสวนต่อในวันรุ่งขึ้น

นิทานชาดก มังคลชาดก : หนูกัดผ้าหายนะจะมาเยือน

นิทานชาดก มังคลชาดก หนูกัดผ้า

เหตุที่ตรัสชาดก มังคลชาดก : ทรงปรารภพราหมณ์ชาวพระนครราชคฤห์ผู้หนึ่งที่เป็นผู้ถือมงคลตื่นข่าว เชื่อถือเรื่องโชคลาง

ในเมืองราชคฤห์ มีฤาษีองค์หนึ่งเป็นผู้ได้ฌานสมาบัติ มาพักอยู่ในพระราชอุทยานของพระราชา พระราชาทรงเลื่อมใสจึงนิมนต์ให้ไปฉันในพระราชวังทุกวัน

พราหมณ์คนหนึ่งชื่อว่าทุสสลักขณพราหมณ์ เป็นผู้ถือมงคล ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีทรัพย์มาก เมื่อเขาอาบน้ำเสร็จแล้วสั่งให้คนไปนำผ้าเนื้อดีที่เก็บไว้ในหีบมาให้

บ่าวคนหนึ่งวิ่งโร่มาบอก

แย่แล้วๆ ท่านพราหมณ์ มีหนูมากัดผ้าของท่านเป็นรูเบ่อเริ่มเลยขอรับ”

ตายแล้ว” พราหมณ์อุทานพร้อมกับหน้าซีด แล้วพูดเบาๆกับตัวเองว่า “หนูกัดผ้า เขาว่าจะเกิดพินาศใหญ่ ผ้าผืนนี้เป็นอวมงคล ใครนำไปใช้จะต้องมีอันเป็นไป” ว่าแล้วก็ตะโกนเรียกลูกชาย

ลูกพ่อ เอ็งมานี่เร็ว”

มีอะไรหรือพ่อ” ลูกชายถาม

เอ็งเอาผ้าผืนนี้ไปทิ้งที่ป่าช้าที มันเป็นเสนียด หนูกัดผ้าขาดเสียแล้ว” พราหมณ์บอกเสียงสั่น

ทำไมพ่อไม่ให้บ่าวมันเอาไปทิ้งล่ะ ใช้ฉันทำไม ฉันก็กลัวนะพ่อ” ลูกชายก็กลัวเหมือนกัน

บ่าวมันเห็นเป็นผ้าเนื้อดี เดี๋ยวมันแอบเอาไปใช้ เอ็งนั่นแหละเอาไปทิ้ง แต่อย่าไปจับโดนผ้าเป็นอันขาด” พราหมณ์สั่ง

นิทานชาดก อิลลีสชาดก : แฝดเทวดา

นิทานชาดก อิลลีสชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก อิลลีสชาดก : ทรงปรารภเศรษฐีขี้ตระหนี่ชื่อมัจฉริโกสิยะ แม้จะมีทรัพย์มากเพียงใดก็ไม่ยอมใช้จ่าย แม้ตัวเองอยากกินขนม ก็กลัวคนอื่นจะเห็นจึงขึ้นไปกินข้างบนปราสาท แต่วันนั้นพระพุทธเจ้าเห็นว่ามัจฉริโกสิยะมีบุญพอจะโปรดได้จึงให้โมคคัลลานะเหาะไปโปรดบนปราสาท

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติในนครพาราณสี
มีเศรษฐีชื่อ อิลลีสะ มีทรัพย์มากมายถึง 80 โกฏิ แต่ทว่าเป็นคนอาภัพด้วยรูปร่าง ตาเข แขนง่อยเปลี้ย มิหนำซ้ำยังเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียวอย่างที่สุด
แต่บิดามารดาของอิลลีสะ เป็นคนชอบบริจาคทาน เป็นทานบดีมาถึง 7 ชั่วตระกูล
เมื่อบิดามารดาเขาเสียชีวิตลง อิลลีสะ ก็ได้เผาโรงทาน ขับไล่พวกยาจก เก็บทรัพย์มรดกไว้แต่เพียงผู้เดียว

นิทานชาดก สัจจังกิรชาดก : คนไม่ใช่คน เพราะเป็นคนไม่รู้คุณคน

นิทานชาดก สัจจังกิรชาดก พระราชา อกตัญญู

เหตุที่ตรัสชาดก สัจจังกิรชาดก : เมื่อภิกษุสงฆ์ประชุมกันในธรรมสภา สนทนากันถึงโทษของพระเทวทัตว่า พระเทวทัตมิได้รู้คุณของพระศาสดา และยังจะพยายามปลงพระชนม์พระพุทธเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมิได้เกรงกลัวบาปกรรมใดๆ


ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติในนครพาราณสีพระราชกุมารของพระองค์นามว่า “ทุฏฐกุมาร” เป็นคนใจร้ายหยาบคาย อกตัญญู ชอบด่าว่าเฆี่ยนตีมหาดเล็กและคนใกล้ชิดโดยปราศจากความปราณีอยู่เสมอ จนทุกคนพากันเกลียดชัง วันหนึ่งท้าวเธอปรารถนาจะเล่นน้ำในแม่น้ำ แม้จะเห็นเมฆตั้งเค้าดำทะมึนมาแต่ไกล ก็ยังสั่งให้มหาดเล็กพาออกไปกลางแม่น้ำ 

ข้าราชบริพารได้ทีจึงวางแผนปล่อยพระองค์เสียกลางแม่น้ำนั้นแล้วกลับมาทูลต่อพระเจ้าพาราณสีว่าพระกุมารหายไปในเวลามืดฟ้ามัวฝน หาเท่าไรก็หาไม่เจอ

ฝ่ายทุฏฐกุมาร ถูกกระแสน้ำพัดไป เห็นท่อนไม้ท่อนหนึ่งจึงเกาะท่อนไม้นั้นลอยไปตามกระแสน้ำ