นิทานชาดก กโปตกชาดก : นกพิราบใจดีกับกาขี้ขโมย

นิทานชาดก กโปตกชาดก นกพิราบกับกาขี้ขโมย

เหตุที่ตรัสชาดก กโปตกชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้มีความโลเลรูปหนึ่ง ในครั้งนั้น พระภิกษุทั้งหลายพาภิกษุนั้นมากราบทูลพระศาสดาว่า พระรูปนี้มีนิสัยโลเล พระพุทธเจ้าถามว่าจริงหรือไม่ พระนั้นตอบว่าจริง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ไม่ใช่แค่ในชาตินี้เท่านั้นที่เธอโลเล แม้ในอดีต เธอก็เป็นคนโลเล สิ้นชีวิตเพราะความโลเลของตน แม้บัณฑิตผู้อาศัยเธอ ก็ต้องพลัดพรากจากที่อยู่ไปด้วย

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

ชาวเมืองนิยมแขวนกระเช้าหญ้าไว้นอกระเบียงเพื่อให้ฝูงนกทั้งหลายได้อาศัยอยู่กันอย่างสบาย

ครั้งนั้นพ่อครัวของเศรษฐีได้แขวนกระเช้าไว้ในครัวด้วย ต่อมามีนกพิราบตัวหนึ่งบินมาอาศัยอยู่ในกระเช้านั้น พอรุ่งเช้ามันก็ออกไปหากิน ตกเย็นจึงกลับมานอนในกระเช้าของมัน

อยู่มาวันหนึ่งมีกาตัวหนึ่งบินผ่านมาทางโรงครัว มันได้กลิ่นเนื้อกลิ่นปลา ก็นึกอยากจะกินเนื้อกินปลาในครัวเต็มประดา จึงคิดหากลอุบายอยู่ ครั้นตกเย็นจึงได้เห็นนกพิราบกลับมา มันคิดจะอาศัยอยู่กับนกพิราบ ด้วยหวังจะกินเนื้อให้ได้ คิดแล้วก็บินกลับไปยังที่อยู่ของมัน

รุ่งเช้าก็บินมาจับอยู่ใกล้โรงครัวนั้น พอเห็นนกพิราบบินออกจากครัว ก็ออกบินติดตามไปใกล้ๆ

ฝ่ายนกพิราบเมื่อเห็นกาบินตามติดมา ก็ให้สงสัยจึงเอ่ยถามขึ้นว่า

“เจ้ากา ตามข้ามาทำไม”

“ข้าชอบกิริยาของท่าน” กาตอบอย่างมีเลศนัย “ข้าจะขอรับใช้ท่าน”

“แต่อาหารของเราต่างกัน ถ้าเจ้ามารับใช้ข้า เจ้าก็ต้องอดน่ะซี”

“โอ้ย นั่นเรื่องเล็กจะตายไป ท่านอย่าเป็นห่วงเลย พอถึงเวลาหากิน ต่างคนก็แยกย้ายไปหาอาหารของตัวเองไง”

“อืม งั้นก็ได้” นกพิราบตอบตกลง

แล้วต่างก็แยกย้ายกันไปแสวงหาอาหารตามชัยภูมิของตน เมื่อจวนได้เวลา กาก็รีบบินกลับมารอนกพิราบบนหลังคาครัว พ่อครัวเห็นเป็นเพื่อนนกพิราบจึงจัดแจงหากระเช้ามาแขวนไว้อีกอันใกล้ๆ กัน เสร็จแล้วก็เอาเนื้อและปลาเข้าไปเก็บในครัว

รุ่งเช้าถึงเวลาหากิน นกพิราบชวนกาให้ไปด้วยกัน แต่เจ้ากากลับบอกว่า

“ขอโทษทีท่าน วันนี้ข้าปวดท้อง คงจะไปไม่ไหวหรอก ท่านไปคนเดียวก็แล้วกัน”

นกพิราบได้ยินเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าเจ้ากาแสร้งมารยาเพราะอยากจะกินเนื้อและปลาในครัว จึงถามขึ้นว่า

“นี่เจ้ากา เท่าที่ข้ารู้มา ไม่มีกาตัวไหนเคยปวดท้อง มีแต่หิวอยู่ตลอดเวลา เจ้านี่อยากจะกินปลาในครัวละมั๊ง”

“โธ่ ไม่หรอกท่าน ข้าไม่ได้คิดอย่างนั้น ข้าปวดท้องจริงๆ”

“เอาละ งั้นก็ตามใจเจ้า แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าเห็นแก่กินให้มากนักล่ะ” แล้วนกพิราบก็บินออกไปหาอาหาร

ฝ่ายพ่อครัวเมื่อถึงเวลาก็เข้ามาทำอาหาร พอทำเสร็จก็เปิดภาชนะไว้หน่อยหนึ่งเพื่อระบายความร้อน แล้วเอาฝาชีครอบสำรับไว้ พลางเดินออกไปเช็ดเหงื่อข้างนอก

ทันใดนั้น เจ้ากาก็โผล่หัวออกจากกระเช้ามองดูว่าในครัวไม่มีใครแล้ว มันจึงบินไปที่ภาชนะนั้น แต่บังเอิญเท้ามันไปกระทบกับถ้วยจานข้างๆ เสียงดังกริ๊ก

พ่อครัวหูไวได้ยินเสียงกุกกักในครัวจึงรีบวิ่งเข้ามา เห็นเจ้ากากำลังจะจิกกินเนื้อปลาอยู่พอดี ก็ให้เดือดดาลเป็นกำลัง รีบวิ่งเข้าไปคว้าคอมันมาจับถอนขนเสียเกลี้ยง แล้วตำพริกคลุกเกลือเอามาทาทั่วตัวมัน เสร็จแล้วโยนมันขึ้นไว้บนกระเช้าตามเดิม

ตกเย็นนกพิราบบินกลับมา เห็นเจ้ากาไม่มีขนนอนโอดโอยหายใจรวยรินอยู่ในกระเช้า ก็ให้เวทนาเป็นที่ยิ่ง แล้วมันก็ไม่อาจอาศัยอยู่ในกระเช้าบ้านพ่อครัวอีกต่อไป เพราะคิดว่าเป็นต้นเหตุพากาเข้าบ้าน มันจึงบินไปอยู่ที่อื่น ส่วนเจ้ากาไม่นานก็ตายในกระเช้านั่นเอง

 

ข้อคิดจากชาดก : กโปตกชาดก
1. ความโลภทำให้เดือนร้อน
2. การไม่เชื่อฟังคำของบัณฑิตทำให้ต้องพบกับความหายนะ

ประชุมชาดก
กาได้เกิดเป็น  เป็นภิกษุผู้โลเล

นกพิราบ ได้เกิดเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิทานชาดก กโปตกชาดก นกพิราบกับกาขี้ขโมย