Tag Archives: อนิเมชั่น

นิทานชาดก วรุณชาดก : ลำดับความสำคัญผิดชีวิตต้องเดือดร้อน

นิทานชาดก วรุณชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก : ทรงปรารภพระติสสเถระบุตรกุฎุมพี ที่บำเพ็ญสมณธรรมโดยรีบเร่งเกินไป เพราะมัวแต่เกียจคร้านไม่มีความเพียร แะติดในรสอาหาร แต่เมื่อเห็นพระเพื่อนบรรลุเป็นพระอรหันต์กันหมดจึงอยากจะเป็นบ้าง จึงกลับมาทำความเพียรอย่างรีบเร่งในเวลาค่ำคืน ทำให้เผลอหลับกลิ้งตกลงมา กระดูกขาของท่านแตก ได้รับความเจ็บปวดมาก : นิทานชาดก วรุณชาดก

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติในนครพาราณสี
ณ เมืองตักกสิลา มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์คนหนึ่ง เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง มีลูกศิษย์ ถึง 500 คน

วันหนึ่งลูกศิษย์ทั้งหลายได้เข้าป่าเพื่อไปหาฟืน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนเกียจคร้าน ได้หลบจากพวกหนีไปนอนหลับอยู่ใต้ต้นกุ่ม

“แอบนอนสักงีบดีกว่า ตื่นมาค่อยหักกิ่งไม้จากต้นนี้ไปทำฟืน” ว่าแล้วก็ล้มตัวนอนลงหลับสนิท

เวลาผ่านไป เพื่อนๆหาฟืนกันได้จำนวนมากแล้วจึงพากันกลับ เห็นเจ้าคนขี้เกียจมาแอบหลับจึงสะกิดด้วยส้นเท้า

“เฮ้ย! มาแอบหลับอยู่ได้ ตื่นได้แล้วโว้ย” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนพร้อมกับกระทืบลงกลางหลัง

นิทานชาดก อาสาตมันตชาดก : แม่เฒ่าตัญหากลับ

นิทานชาดก อาสาตมันตชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก อาสาตมันตชาดก : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ต้องการจะสึกออกไปครองเรือน ทรงตรัสสอนว่า ขึ้นชื่อว่าหญิงส่วนมาก ไม่น่ายินดี ไร้สติ ลามก เป็นผู้มีเบื้องหลัง แม้สังขารจะร่วงโรยแก่มากแล้วแต่ความมักมากในกามก็ยังมีอยู่  แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่า (เมื่อเล่าจบภิกษุนั้นก็บบรรลุโสดาปัตติผล)

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง กระทำการบูชาไฟมาตั้งแต่วันที่บุตรของเขาเกิด โดยจุดไฟไว้ไม่ให้ดับเลย จนถึงวันที่บุตรของเขามีอายุได้ 16 ปี ผู้เป็นพ่อจึงได้ถามลูกชาย

ลูกรักของพ่อ บัดนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่มแล้ว เจ้าอยากออกบวชหรืออยากครองเรือนล่ะ ถ้าหากเจ้าต้องการจะไปเกิดในพรหมโลกก็จงถือไฟนั้นเข้าป่า บูชาพระอัคนีเทพเจ้า แต่ถ้าเจ้าอยากจะอยู่ครองเรือนก็จงไปสู่เมืองตักสิลา ร่ำเรียนวิชาให้เจนจบ แล้วค่อยมารับมรดกของพ่อเถิด”

แหมพ่อ ฉันยังหนุ่มยังแน่น จะให้ฉันออกบวชได้อย่างไรกัน ฉันจะไปเรียนวิชาในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แล้วจะกลับมาแต่งงานจ้ะพ่อ” ลูกชายบอกตามตรง

นิทานชาดก ปัญจาวุธชาดก : กุมารหัวร้อน สู้กับยักษ์ขนเหนียว

นิทานชาดก ปัญจาวุธชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ปัญจาวุธชาดก : เมื่อพระพุทธเจ้าได้ยินว่าภิกษุรูปหนึ่งมีความเพียรย่อหย่อน จึงทรงเรียกมาถามว่าจริงหรือไม่ พระภิกษุนั้นตอบว่าจริง พระพุทธองค์จึงได้ตรัสให้กำลังใจว่า แม้ในอดีตบัณฑิตทั้งหลายได้ทำความเพียรในที่อันสมควรก็สามารถบรรลุถึงราชสมบัติได้ แล้วจึงนำเรื่องในอดีตมาเล่า

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

พระองค์มีพระโอรสองค์หนึ่ง นามว่า “ปัญญาวุธกุมาร” เมื่อพระโอรสเจริญวัยขึ้น พระองค์ได้ส่งไปศึกษาศิลปวิทยา ณ กรุงตักศิลา

พระราชกุมารศึกษาเล่าเรียนศิลปวิทยา ที่เมืองตักศิลา เป็นเวลาหลายปี จนจบหลักสูตร อาจารย์ได้มอบอาวุธ 5 ชนิดด้วยกันคือ พระขรรค์ ธนู หอก ขวาน และตะบอง เป็นอาวุธประจำกาย เมื่อกราบลาพระอาจารย์แล้วพระองค์จึงเดินทางเพื่อเสด็จกลับยังพระนคร ในระหว่างทาง พระองค์ต้องผ่านป่าซึ่งเป็นที่อยู่ของยักษ์ดุร้ายตนหนึ่งชื่อว่า “สิเลสโลม” ชาวบ้านเห็นพระกุมารก็พากันห้าม

นิทานชาดก ทุมเมธชาดก : พระราชโอรสผู้มีปัญญา นำพาทุกชีวาให้พ้นภัย

นิทานชาดก ทุมเมธชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ทุมเมธชาดก :  พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการบำเพ็ญประโยชน์แก่โลก แล้วตรัสพระธรรมเทศนานี้


ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี
พระองค์มีพระราชโอรสองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พรหมทัตราชกุมาร เมื่อพระกุมารมีพระชันษาครบ 16 ปีก็ได้ทรงศึกษาศิลปะในเมืองตักกสิลา ทรงเจนจบไตรเพท และทรงสำเร็จศิลปศาสตร์ 18 ประการ ต่อมาพระราชบิดาทรงพระราชทานตำแหน่งอุปราชแก่พระองค์

ครั้งนั้นชาวเมืองพาราณสีนิยมฆ่าสัตว์เซ่นสรวงบูชาเทวดากันทั้งเมือง โดยพวกเขาเชื่อว่าเทวดาเป็นผู้อำนวยความสุขความเจริญให้

ฝ่ายพรหมทัตกุมาร เมื่อได้เป็นมหาอุปราชแล้วก็ทรงดำริว่า

‘ขณะนี้ชาวเมืองฆ่าสัตว์บูชาเทวดากันมาก โดยหารู้ไม่ว่านั่นคือการสร้างบาป เราควรที่จะหาทางให้พวกเขาเลิกลัทธิบาปหนานี่เสียดีกว่า’

นิทานชาดก นักขัตตชาดก : รอฤกษ์ ดีไหม

ทานชาดก นักขัตตชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก นักขัตตชาดก : ทรงปรารภอาชีวกคนหนึ่งที่ทำลายพิธีมงคลสมรสด้วยการบอกว่าฤกษ์ไม่ดี เรื่องมีอยู่ว่า มีชายหนุ่มบ้านนอกนัดวันจะไปสู่ขอสาวในเมืองสาวัตถี แต่เมื่อถึงวันนัด พอดีมีอาชีวกะคนคุ้นเคย ได้เข้ามาหา ชายหนุ่มจึงถามดูฤกษ์ยาม อาชีวกะนึกโกรธอยู่แล้วที่ไม่ไปปรึกษาแต่แรก จึงบอกว่าวันนี้ฤกษ์ไม่ดี หากทำการมงคลจะพินาศใหญ่หลวง ชายหนุ่มนั้นจึงยังไม่ไป แต่ไปอีกทีในวันรุ่งขึ้น ฝ่ายพ่อเจ้าสาวเมื่อเห็นว่าเจ้าบ่าวผิดนัดก็โกรธมากแล้วยกเจ้าสาวให้คนอื่นไป ทั้งสองฝ่ายจึงทะเลาะวิวาทกันยกใหญ่ ในที่สุดฝ่ายชายก็ต้องยอมแพ้และกลับบ้านไป

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี
ครอบครัวชายหนุ่มจากตระกูลในเมืองได้ไปสู่ขอหญิงสาวชาวชนบท นัดวันกันไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะจัดงานแต่งงานกันในวันนั้นวันนี้
เมื่อถึงวันกำหนดการแต่งงาน ชายหนุ่มกำลังจะเดินทางเพื่อไปงานแต่ง ที่บ้านเจ้าสาว พอดีมีอาชีวกผู้ที่คุ้นเคยกับครอบครัวชายหนุ่มเดินผ่านมา

“พวกเจ้าจะไปไหนกันรึ” อาชีวกถาม

“อ๋อท่านอาจารย์ พวกข้าจะพาลูกชายไปแต่งงานที่บ้านนอกน่ะครับ ..แต่ไหนๆ ท่านก็มาแล้ว ช่วยดูฤกษ์ให้หน่อยสิครับว่าแต่งวันนี้จะดีไหม” พ่อของชายหนุ่มตอบ

อาชีวก นึกไม่พอใจอยู่แล้วที่ไม่มาปรึกษาตนแต่แรก จึงตอบไปว่า

นิทานชาดก อารามทูสกชาดก : ลิงรดน้ำต้นไม้

นิทานชาดก อารามทูสกชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก อารามทูสกชาดก : มีชายคนหนึ่งในแคว้นโกศล นิมนต์พระพุทธเจ้าและหมู่พระภิษุสงฆ์ไปที่สวนของตน เมื่อได้ถวายของขบฉันเรียบร้อยแล้ว ก็นิมนต์พระให้เที่ยชมสวน พระภิกษุเดินเที่ยวชมสวนไปกับนายอุทยานบาล เห็นที่โล่งเตียนแห่งหนึ่งจึงถามว่าทำไมตรงนี้ไม่มีต้นไม้เลยทั้งๆที่บริเวณอื่นมีต้นไม้เขียวชอุ่มร่มรื่น คนเฝ้าสวนตอบว่า เมื่อตอนสร้างอุทยานนี้ มีเด็กชาวบ้านคนหนึ่งเมื่อจะรดน้ำต้นไม้ทีไรต้องถอนต้นไม้นั้นขึ้นมาดูรากเสียก่อนแล้วจึงรดน้ำตามความสั้นยาวของรากต้นไม้ ด้วยเหตุนี้ต้นไมที่ปลูกใหม่เหล่านั้นก็เหี่ยวแห้งตายไป เหลือแต่ที่โล่งเตียนเช่นนี้ พระภิกษุจึงนำความมากราบทูลพระพุทธเจ้า พระองค์จึงปรารภถึงเด็กชายผู้นั้นว่าเมื่ออดีตก็เคยทำอย่างนี้มาแล้ว

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

ทุกๆ ปี พระองค์จะรับสั่งให้จัดงานนักขัตฤกษ์ประจำปีขึ้นที่หน้าพระลานหลวง มีมหรสพและการละเล่นเป็นที่สนุกสนานยิ่ง

และในวันนักขัตฤกษ์ประจำปีคราวหนึ่งคนเฝ้าพระราชอุทยานอยากจะไปเที่ยวงานกับเขาบ้าง จึงเรียกลิงตัวหัวหน้าที่อาศัยอยู่ในอุทยานนั้นมาแล้วสั่ง

“นี่เจ้าลิง เจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่มานาน ได้ร่มเงาต้นไม้พวกนี้เป็นที่พักพิง… วันนี้มีงานที่พระลานหลวง ข้าจะฝากเจ้าดูแลต้นไม้พวกนี้หน่อยจะได้ไหม”

นิทานชาดก กโปตกชาดก : นกพิราบใจดีกับกาขี้ขโมย

นิทานชาดก กโปตกชาดก นกพิราบกับกาขี้ขโมย

เหตุที่ตรัสชาดก กโปตกชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้มีความโลเลรูปหนึ่ง ในครั้งนั้น พระภิกษุทั้งหลายพาภิกษุนั้นมากราบทูลพระศาสดาว่า พระรูปนี้มีนิสัยโลเล พระพุทธเจ้าถามว่าจริงหรือไม่ พระนั้นตอบว่าจริง พระพุทธองค์จึงตรัสว่า ไม่ใช่แค่ในชาตินี้เท่านั้นที่เธอโลเล แม้ในอดีต เธอก็เป็นคนโลเล สิ้นชีวิตเพราะความโลเลของตน แม้บัณฑิตผู้อาศัยเธอ ก็ต้องพลัดพรากจากที่อยู่ไปด้วย

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

ชาวเมืองนิยมแขวนกระเช้าหญ้าไว้นอกระเบียงเพื่อให้ฝูงนกทั้งหลายได้อาศัยอยู่กันอย่างสบาย

ครั้งนั้นพ่อครัวของเศรษฐีได้แขวนกระเช้าไว้ในครัวด้วย ต่อมามีนกพิราบตัวหนึ่งบินมาอาศัยอยู่ในกระเช้านั้น พอรุ่งเช้ามันก็ออกไปหากิน ตกเย็นจึงกลับมานอนในกระเช้าของมัน

อยู่มาวันหนึ่งมีกาตัวหนึ่งบินผ่านมาทางโรงครัว มันได้กลิ่นเนื้อกลิ่นปลา ก็นึกอยากจะกินเนื้อกินปลาในครัวเต็มประดา จึงคิดหากลอุบายอยู่ ครั้นตกเย็นจึงได้เห็นนกพิราบกลับมา มันคิดจะอาศัยอยู่กับนกพิราบ ด้วยหวังจะกินเนื้อให้ได้ คิดแล้วก็บินกลับไปยังที่อยู่ของมัน

รุ่งเช้าก็บินมาจับอยู่ใกล้โรงครัวนั้น พอเห็นนกพิราบบินออกจากครัว ก็ออกบินติดตามไปใกล้ๆ

นิทานชาดก ขทิรังคารชาดก : จิตไม่หวั่น ตั้งมั่นทำความดี

นิทานชาดก ขทิรังคารชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ขทิรังคารชาดก : ทรงปรารภการมีศรัทธามั่นคงในพระรัตนตรัยของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐี ท่านรักในการให้ทาน แม้ในคราวที่ทรัพย์โดนน้ำพัดไป และโดนโกง จนเหลือเงินอยู่น้อยนิด ท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีก็ยังคงถวายทานอยู่เป็นประจำมิได้ขาด ถึงเทวดาประจำซุ้มประตูมาเตือนว่าอย่าทำทานมาก ท่านก็ไม่หวั่นไหวแถมยังไล่เทวดาตนนั้นออกไป 

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีลูกชายเศรษฐีคนหนึ่ง ชอบให้ทานมาตั้งแต่เกิด จนกระทั่งเติบโตเจริญวัยเป็นหนุ่ม และเมื่อบิดาของเขาสิ้นชีวิตลง เขาได้ดำรงตำแหน่งเศรษฐีแทน การให้ทานของเขายังคงดำเนินต่อไป และดูเหมือนจะยิ่งใหญ่กว่าแต่ก่อน โดยคราวนี้ เขาได้สร้างโรงทานถึง 6 แห่ง จ่ายทรัพย์วันละหลายพันเพื่อบริจาค ทั้งยังรักษาศีลเป็นประจำ

วันหนึ่งขณะที่เขากำลังจะกินอาหารเช้า มีพระปัจเจกพุทธเจ้าองค์หนึ่งออกจากนิโรธสมาบัติ เหาะมายืนอยู่ที่ประตูบ้านของเขา พอเขาเห็นก็รีบเรียกคนใช้มาแล้วสั่งว่า

นิทานชาดก นันทชาดก : ตามล่าหาสมบัติ

นิทานชาดก นันทชาดก ตามหาสมบัติ

เหตุที่ตรัสชาดก นันทชาดก : ทรงปรารภพระภิกษุที่อยู่กับพระสารีบุตร ที่มีความประพฤติแปลกคือเมื่ออยู่ในที่หนึ่งบางครั้งทำตัวเหมือนทาส ว่านอนสอนง่าย เข้าใจคำสั่งสอน แต่เมื่อไปอยู่อีกที่หนึ่ง กลับกลายเป็นคนถือตัวจัด ไม่ฟังคำสั่งสอน พระสารีบุตรไม่เข้าใจอัธยาศัยนี้จึงเข้าไปถามพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าตรัสว่าไม่เพียงแต่ในชาตินี้เท่านั้นที่พระรูปนั้นมีความประพฤติแบบนี้ แม้ในชาติก่อนๆก็เช่นกัน แล้วจึงเล่าเรื่องในอดีต

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

เศรษฐีแก่คนหนึ่งมีภรรยาสาวสวย และมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ต่อมาเขาคิดว่าตัวเขานั้นแก่แล้วคงจะตายไปก่อนภรรยา เมื่อเขาตายไป ภรรยาอาจไปมีสามีใหม่ แล้วเอาทรัพย์สมบัติทั้งหลายไปใช้จ่ายจนหมดสิ้น ไม่มีทางที่จะถึงมือลูกชายแน่นอน ดังนั้นเขาจึงคิดที่จะฝังทรัพย์สินของเขาไว้ ว่าแล้วก็ชวนทาสในเรือนคนหนึ่งชื่อว่า นันทะ ให้แบกเอาทรัพย์สินเงินทองจำนวนมากมายไปฝังไว้ ณ ที่แห่งหนึ่งแล้วสั่งไว้ว่า

“ถ้าเราตายไป จงบอกขุมทรัพย์นี้ให้กับลูกชายเรา”

อยู่มาไม่นาน เขาก็ล้มป่วย และสิ้นชีวิตลง

ฝ่ายลูกชายก็เจริญเติบโตขึ้นโดยลำดับ จนกระทั่งเป็นหนุ่ม แม่จึงเรียกมาแล้วเล่าว่า 

นิทานชาดก พกชาดก : นกยางเจ้าเล่ห์กับปู

นิทานชาดก พกชาดก นกยางเจ้าเล่ห์กับปู

เหตุที่ตรัสชาดก พกชาดก : ที่วัดพระเชตวัน มีพระจีวรวัฑฒกะ(แปลว่าพระที่มีความสามารถในการทำจีวร) รูปหนึ่งมีความสามารถในการย้อมผ้าเก่าให้เป็นผ้าใหม่ได้ แต่ไม่ได้บอกใครว่านั่นเป็นผ้าเก่านำมาย้อม พระอื่นๆเห็นว่าเป็นผ้าเนื้อดีจึงนำผ้าใหม่มาให้ท่านย้อมให้บ้าง แต่พระจีวรวัฑฒกะบอกว่าการย้อมมันต้องใช้เวลานานเดี๋ยวท่านๆจะไม่มีผ้าใช้ จึงแนะนำให้แลกกับผ้าย้อมที่มีอยู่ เมื่อพระที่นำจีวรมาแลกได้ผ้าย้อมแมวไป พอนำไปซักด้วยน้ำร้อน เกิดสีตกจึงรู้ว่าถูกหลอก และในครั้งนั้นที่หมู่บ้านนอก มีพระจีวรวัฑฒกะที่ย้อมแมวผ้าจีวรหลอกพระอื่นๆเช่นกัน ได้ข่าวนี้จึงมาที่วัดพระเชตวันแล้วหลอกพระจีวรวัฑฒกะที่วัดเชตวันด้วยอาการเดียวกันคือนำผ้าเก่ามาหลอกแลกผ้าใหม่ ความที่ว่าพระหลอกพระจึงดังไปทั่ววัด

ในอดีตกาล นานมาแล้ว มีสระใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ในป่า เป็นที่อาศัยของปลาน้อยใหญ่จำนวนมาก ต่อมาในฤดูแล้ง น้ำในสระได้แห้งขอดลง ปลาในสระไม่สามารถที่จะย้ายสระได้จึงได้แต่นอนรอความตายอยู่ที่นั่น
บังเอิญวันนั้น มีนกยางบินผ่านมาพอดี เจ้านกยางเกิดเปรี้ยวปากอยากกินปลา จึงคิดอุบายหาทางกินปลาอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องลงไปไล่จับปลาให้ตัวเปื้อนโคลน แล้วมันก็นึกขึ้นได้ บินถลาลงไปเกาะขอบสระในทันที

“นี่เจ้านกยาง เจ้าเป็นอะไร ทำไมยืนหน้าเศร้าแบบนั้น” ปลาตัวหนึ่งเอ่ยถาม
“ข้าสงสารพวกเจ้านะซี อีกไม่นานก็ต้องตายเพราะน้ำในสระแห้งลงเรื่อยๆ” นกยางบอกเสียงสลด
“นั่นน่ะซี เมื่อก่อนก็มีน้ำเต็มสระ แต่ปีนี้มันแล้งจริงๆ พวกข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง หนีไปไหนก็ไม่ได้” ปลาอีกตัวบ่น