นิทานชาดก สูกรชาดก : หมูท้าราชสีห์

สูกรชาดก นิทานชาดก

เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสชาดก สูกรชาดก : ทรงปรารถภิกษุแก่รูปหนึ่งที่มีความริษยาพระสารีบุตร พระภิกษุแก่ได้เข้าไปหาพระสารีบุตรเพื่อจะแกล้งถามปัญหา แต่พระสารีบุตรรู้ว่าพระแก่นั้นมีความอิจฉาริษยาจึงเดินหลีกไป ทำให้ชาวบ้านที่ตั้งใจมาฟังธรรมไม่พอใจพากันไล่พระแก่นั้นออกไปจนพลาดวิ่งไปตกหลุมส้วม

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี

มีราชสีห์ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำใกล้ภูเขา และในที่ไม่ไกลจากนั้นก็มีฝูงสุกรอาศัยสระน้ำบริเวณนั้นอยู่ และยังมีพระดาบสหมู่ใหญ่พักอยู่ใกล้ๆนั้นด้วย

วันหนึ่งหลังจากราชสีห์ล่าสัตว์และกินเนื้อจนอิ่มแล้ว จึงเดินไปกินน้ำที่สระ แล้วเหลือบไปเห็นสุกรตัวอ้วนพีตัวหนึ่งกำลังหากินอยู่แถวสระนั้น ราชสีห์คิดว่าสักวันหนึ่งจะจับหมูตัวนี้กิน แต่ถ้าหมูเห็นเรามันจะไม่มาอีก จึงเดินหลบไป

ฝ่ายเจ้าหมูก็เห็นพฤติกรรมของราชสีห์ มันคิดกระหยิ่มในใจว่าราชสีห์กลัวมัน จึงร้องเรียกราชสีห์ให้มาสู้กับมัน

เห้ย เจ้าราชสีห์ ข้ามี 4 เท้า เจ้าก็มี 4 เท้าเหมือนกัน แน่จริงก็กลับมาสู้กันก่อน แกกลัวข้าหรือถึงเดินหนีไปแบบนั้น”

 

วันนี้ข้ายังไม่สู้กับเจ้า แต่จากนี้ไปอีก 7 วัน เราค่อยมาสู้กันที่นี่” ราชสีห์ตอบแล้วเดินกลับไป

เจ้าหมูได้ยินดังนั้นก็ลำพองใจเป็นอันมาก ว่าจะได้สู้กับราชสีห์ มันกลับไปเล่าให้พวกญาติฟัง ญาติสุกรฟังแล้วพากันตกใจ พูดขึ้นว่า “ เจ้าจะพาพวกเราทั้งหมดให้ถึงความฉิบหายกันคราวนี้แหละ เจ้าไม่รู้จักกำลังของตัวจะหวังสู้กับราชสีห์ ราชสีห์จักมาทำให้เราทั้งหมดถึงแก่ความตาย เจ้าอย่าทำกรรมอุกอาจนักเลย” 

นิทานชาดก สิคาลชาดก : ราชสีห์วิ่งชนถ้ำ

นิทานชาดก สิคาลชาดก ราชสีห์วิ่งชนถ้ำ สุนัขจิ้งจอก

เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสชาดก สิคาลชาดก : ทรงปรารภลูกชายของช่างตัดผมที่ตรอมใจตายเพราะไปหลงรักธิดากษัตริย์แห่งเจ้าลิจฉวี

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในกรุงพาราณสี

มีครอบครัวราชสีห์พี่น้อง ประกอบด้วย พี่ชาย 7 ตัว และน้องสาว 1 ตัว อาศัยอยู่ที่ถ้ำทองในป่าหิมพานต์ และไม่ไกลจากที่นั้นก็ยังมีถ้ำแก้วผลึกใส และมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในถ้ำแก้วนั้น

ต่อมา เมื่อพ่อแม่ของราชสีห์ทั้ง 8 ได้ตายลง พี่ชายทั้ง 7 จึงให้น้องสาวนอนอยู่ในถ้ำทองนั้น แล้วตัวเองมีหน้าที่ออกไปหาอาหาร เมื่อได้อาหารมาก็จะนำมาแบ่งให้น้องสาวกิน

สุนัขจิ้งจอกหลงรักราชสีห์สาวสวยมานานแต่ไม่มีโอกาสเข้าไปหา จนกระทั่งพ่อแม่ของรายสีห์ได้ตายลง และในเวลาที่พี่ชายทั้ง 7 ออกไปหาอาหาร มันจึงได้เข้าไปหานางราชสีห์สาว แล้วพูดจาเกี้ยวพาราสี ว่า “นี่แน่ะ แม่ราชสีห์ เราเป็นสัตว์สี่เท้า เจ้าก็เป็นสัตว์สี่เท้าเหมือนกัน เจ้าจงมาเป็นภรรยาเรา เราจะเป็นสามีเจ้า และเราจะอยู่ด้วยกันอย่างบันเทิงใจ”

นางราชสีห์ ไม่ตอบอันใด ได้แต่คิดว่า สุนัขจิ้งจอกนี้เป็นสัตว์ชั้นต่ำ เป็นสัตว์เลวทราม เทียบได้กับจัณฑาลในหมู่สัตว์ทั้งหลาย บังอาจมาเทียบชั้นกับราชสีห์ผู้สูงส่งอย่างเรา แถมยังมาพูดจาหยาบคาย เราจะทนไปไย กลั้นใจตายไปเสียดีกว่า แต่แล้วนางราชสีห์ก็กลับคิดขึ้นมาได้ว่า ควรจะเล่าเรื่องนี้ให้พี่ชายทั้ง 7 ฟังก่อนแล้วค่อยตายก็ยังไม่สาย

ฝ่ายสุนัขจิ้งจอก เมื่อไม่ได้คำตอบจากนางราชสีห์ ก็คิดว่า นางไม่มีเยื่อใยในเราเสียแล้ว เสียใจกลับเข้าไปนอนในถ้ำแก้วผลึกของตน

 

ราชสีห์พี่ชายตัวที่1 กลับมาพร้อมอาหารชิ้นโตที่เพิ่งล่ามาได้ นำมาให้น้อง นางราชสีห์จึงฟ้องพี่ชายถึงเรื่องสุนัขจิ้งจอก ฝ่ายพีชายก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ถามน้องว่า

“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน พี่จะไปฆ่ามัน”

“มันนอนอยู่ในอากาศ ใกล้เชิงเขาลูกโน้นแน่ะพี่” นางราชสีห์ตอบด้วยความใสซื่อ เพราะเห็นสุนัขจิ้งจอกนอนอยู่ในอากาศจริงๆ

นิทานชาดก สัญชีวชาดก : ช่วยเสือ ตายเพราะเสือ

สัญชีวชาดก : ช่วยเสือ ตายเพราะเสือ

เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสชาดก สัญชีวชาดก : ทรงปรารภพระเจ้าอชาตศัตรูที่ไปคบหากับพระเทวทัตจนเลยเถิดไปทำการปลงพระชนม์พระราชบิดา ทำให้ในชาตินี้พระเจ้าอชาตศัตรูไม่อาจบรรลุธรรมใดๆได้

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์ได้เกิดในสกุลพราหมณ์ผู้มั่คั่ง เมื่อเจริญวัยและสำเร็จการศึกษาแล้วก็ได้ไปเป็นอาจารย์ทิศาปาโมกข์ในนครพาราณสี มีลูกศิษย์ 500 คน ในบรรดาลูกศิษย์เหล่านั้นมีเพียงหนึ่งคนที่ได้เรียนวิชาชุบชีวิตคนที่ตายแล้วให้กลับมามีชีวิตใหม่ แต่ยังไม่ทันได้เรียนมนต์แก้และป้องกัน เขาชื่อว่า สัญชีวะ

วันหนึ่งเขาไปเข้าป่าเพื่อหาฟืนกับเพื่อนๆ เห็นเสือนอนตายอยู่ จึงพูดกับเพื่อนว่า

พวกแกคอยดูนะ ฉันจะทำให้เสือตัวนี้ฟื้นขึ้นมา”

ขี้โม้หรือเปล่า แกทำไม่ได้หรอก มันตายแล้วมันจะฟื้นได้ยังไง” เพื่อนไม่เชื่อ

 

ฉันทำได้น่า พวกแกคอยดู” เขายังยืนยัน

ถ้าอย่างนั้นก็ลองดู” เพื่อนๆยอม แล้วก็รีบปีนขึ้นต้นไม้ไปดูนายสัญชีวะทำการร่ายมนต์ 

นิทานชาดก กากชาดก : อีกาวิดน้ำ ความพยายามที่ไม่สำเร็จ

กากชาดก อีกาวิดน้ำ

เหตุที่ตรัสชาดก กากชาดก : ทรงปรารภเหล่าภิกษุแก่ที่พากันร้องไห้คร่ำครวญถึงอดีตภรรยาของพระเพื่อนที่ตายลง

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี มีกาสามีภรรยาคู่หนึ่งเที่ยวบินหาอาหาร มาถึงริมฝั่งมหาสมุทร ในช่วงเวลานั้น ฝูงชนได้พากันเซ่นไหว้พญานาค ด้วยน้ำนม ข้าวปายาส ปลา เนื้อและสุราเป็นต้น แล้วพากันหลบไปเหลือไว้แต่เครื่องเซ่นไหว้

กาทั้งสองเห็น ก็เข้าไปกินอาหารและสุราจนเมามาย และคิดจะลงเล่นน้ำในมหาสมุทร ทันใดนั้นก็มีคลื่นลูกใหญ่ซัดมาโดนนางกา จนจมน้ำลงไป แล้วโดนปลาตัวใหญ่ฮุบกิน

กาผู้สามีก็ร้องไห้คร่ำครวญเสียยกใหญ่ เพื่อนนกกาได้ยินจึงเข้ามาไต่ถาม ก็ได้ความว่านางกาภรรยาของเพื่อนตายเสียแล้ว ฝูงกาเหล่านั้นก็พากันตกใจและร้องอื้ออึงไปด้วย และมีความคิดว่าจะต้องช่วยกันวิดน้ำเพื่อเอานางกากลับคืนมาให้ได้

แล้วเหล่าฝูงกาก็เริ่มช่วยกันวิดน้ำด้วยการอมน้ำจากมหาสมุทรเอาไปบ้วนทิ้งในที่อื่น พวกมันช่วยกันจนสุดแรง แล้วก็หมดแรงในที่สุด ทั้งคอแห้งเพราะน้ำเค็ม ขากรรไกรล้า ปากซีด ตาแดง กาทุกตัวต่างก็อิดโรยไปตามๆกัน จึงเรียกกันมาปรับทุกข์ ว่ายังไงน้ำในมหาสมุทรนี้มันก็ไม่มีทางแห้งลงเป็นแน่ แม้พวกมันจะขนน้ำไปทิ้งเท่าไร น้ำในมหาสมุทรก็ยังคงเต็มเท่าเดิม 

นิทานชาดก วิโรจนชาดก : จิ้งจอกเหิมเกริม อยากเริ่มเป็นราชสีห์

วิโรจนชาดก : จิ้งจอกเหิมเกริม อยากเริ่มเป็นราชสีห์

เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส วิโรจนชาดก : ทรงปรารภพระเทวทัตที่พยายามแสดงอากัปกิริยาเลียนแบบพระองค์ ในคราวที่พระพุทธเจ้าได้ส่งพระโมคคัลลาและพระสารีบุตรไปตามพระสงฆ์ที่หลงเชื่อย้ายไปอยู่กับพระเทวทัต เมื่อพระเทวทัตเห็นพระอัครสาวกทั้งสองมาก็ดีใจ นึกว่าจะมาอยู่ด้วยจึงให้พระโมคคัลลาและพระสารีบุตรแสดงธรรมแทน ส่วนตัวเองขอตัวไปนอนเพราะได้แสดงธรรมมาตลอดคืนแล้ว พระอัครสาวกทั้งสองแสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้นจนเกิดความตื่นรู้แล้วจึงพากันกลับไปสู่พระเวฬุวันวิหารกันทั้งหมด พระโกกาลิกะเห็นวิหารว่างเปล่าจึงไปสู่สำนักพระเทวทัต แล้วดึงผ้าห่มที่คลุมร่างพระเทวทัตออก กระทืบเท้าลงไปที่หัวใจอย่างแรง พระเทวทัตมีเลือดไหลออกจากปากและถึงกับเป็นไข้ในเวลาต่อมา

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี

มีไกรษรสีหราชตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในถ้ำทอง ที่ป่าหิมพานต์ ครั้งหิวขึ้นมาคราใด ก็จะสะบัดกาย มองดูทิศทั้งสี่ บรรลือสีหนาท แล้วเหยาะย่างออกหาอาหาร ฆ่ากระบือใหญ่ แล้วกินเนื้อ จากนั้นได้ลงไปดื่มน้ำในสระที่มีสีเหมือนแก้วมณี แล้วจึงเดินกลับเข้าถ้ำทองตามเดิม

ครั้งหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเที่ยวออกล่าเหยื่อ เผชิญหน้าเข้ากับราชสีห์อย่างจัง และคิดว่าคงจะหนีไปไหนไม่รอด จึงนอนหมอบลงแทบเท้าราชสีห์

ราชสีห์ : มีะไรหรือเจ้าจิ้งจอก

สุนัขจิ้งจอก : ข้าพเจ้ามาเพื่อจะรับใช้ท่านน่ะท่านราชสีห์

ราชสีห์ : อ้อ เอาสิ มาอยู่กับข้า ข้าจะให้เจ้าได้กินเนื้อดีๆ

แล้วราชสีห์ก็พาสุนัขจิ้งจอกไปยังถ้ำทอง ตั้งแต่นั้นมา สุนัขจิ้งจอกก็ได้กินเดนราชสีห์ จนร่างกายที่ซูบผอมกลับมาอ้วนพี

อยู่มาวันหนึ่ง ราชสีห์นอนอยู่ในถ้ำ ได้บอกจิ้งจอกว่าให้ไปยืนบนยอดเขา แล้วมองลงไปถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ตัวใด ให้กลับมาบอก แล้วให้พูดว่า “นายท่าน เชิญท่านคำรามเถิด” ราชสีห์ จะไปฆ่าสัตว์นั้นมากิน แล้วแบ่งเนื้ออร่อยๆให้จิ้งจอกกินด้วย

สุนัขจิ้งจอกจึงขึ้นไปสู่ยอดเขา มองดูฝูงสัตว์นานาชนิด เมื่อนึกอยากกินเนื้อสัตว์ชนิดใด ก็เข้าไปสู่ถ้ำทองบอกแก่ราชสีห์ แล้วหมอบลงแทบเท้า กล่าวว่า “นายท่าน เชิญท่านคำรามเถิด” ราชสีห์ก็วิ่งไปโดยเร็ว ถึงแม้เป็นช้างตกมัน ก็ไม่มีทางรอดเงื้อมมือของราชสีห์ไปได้

นิทานชาดก โคธชาดก : กิ้งก่าเพื่อนรัก

นิทานชาดก โคธชาดก กิ้งก่าเพื่อนรัก

เหตุที่ตรัสชาดก โคธชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้คบหาพระที่ไปเข้ากับฝ่ายพระเทวทัต

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี

พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นพญาเหี้ย ปกครองบริวารหลายร้อย อาศัยอยู่ในโพรงใหญ่ใกล้ฝั่งแม่น้ำ ลูกชายของพระโพธิสัตว์ชื่อว่า โคธปิลลิกะ ได้ไปเล่นกับกิ้งก่าอยู่เสมอ ลูกพญาเหี้ยมักจะเย้าหยอกกิ้งก่าด้วยการขึ้นไปทับบนหลัง ด้วยคิดว่าจะกอดกิ้งก่า

ฝูงเหี้ยบริวารได้เล่าถึงความสนิทสนมของโคธปิลลิกะ กับกิ้งก่าให้พญาเหี้ยฟัง พญาเหี้ยจึงเรียกลูกชายมาสั่งสอนว่า ไม่ควรไปคบกับกิ้งก่า หากยังสนิทสนมกันแบบนี้ สกุลเหี้ยทั้งหลายจะต้องพินาศเพราะกิ้งก่าตัวนี้อย่างแน่นอน

แต่โคธปิลลิกะก็มิได้เชื่อพ่อ ยังคงออกไปเล่นกับกิ้งก่าอยู่เช่นเดิม

พญาเหี้ยเห็นดังนั้นก็คิดว่าคงห้ามลูกไม่ได้ อย่างไรเสียเราควรจะต้องคิดหาทางหนีทีไล่ไว้ก่อน ด้วยการให้บริวารช่วยกันทำปล่องลมไว้ข้างหนึ่งของโพรงเหี้ย

เวลาผ่านไป โคธปิลลิกะ มีร่างกายใหญ่ขึ้นตามลำดับ ในขณะที่กิ้งก่ายังตัวเท่าเดิม โคธปิลลิกะยังคงเล่นเหมือนตอนเด็กๆด้วยการโถมทับกิ้งก่าอยู่เรื่อยๆ กิ้งก่าทนไม่ไหวเพราะรู้สึกเหมือนโดนภูเขาหล่นทับ มับคิดว่าหากโดนทับแบบนี้สัก2-3 วัน มันต้องตายแน่ๆ มันจึงคิดกำจัดเหี้ยให้สิ้นซาก

วันหนึ่งในฤดูแล้ง มีฝนตกลงมา ฝูงแมลงเม่าพากันบินออกจากจอมปลวก ฝูงเหี้ยพากันออกมากินแมลงเม่า นายพรานล่าเหี้ยเดินถือจอบออกไปกับฝูงหมาป่าเพื่อขุดโพรงเหี้ย

กิ้งก่าเห็นแล้วจึงคิดวิธีจะกำจัดเหี้ย จึงเข้าไปคุยกับนายพราน

นิทานชาดก โคธชาดก : ฤาษีอยากกินเหี้ย

นิทานชาดก โคธชาดก : ฤาษีอยากกินเหี้ย

เหตุที่ตรัสชาดก โคธชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี

พระโพธิสัตว์ได้เกิดเป็นเหี้ย อาศัยอยู่ที่จอมปลวกแห่งหนึ่งใกล้กับอาศรมของฤาษีผู้สำเร็จอภิญญา ชาวบ้านช่วยกันบำรุงพระดาบสนั้นด้วยความเคารพ เจ้าเหี้ยก็ได้ไปฟังธรรมจากท่านวันละ 3 เวลาด้วยเช่นกัน

ต่อมา พระดาบสได้อำลาชาวบ้านเพื่อจะเดินทางไปอาศัยอยู่ตำบลอื่น ผ่านมาไม่นานก็มีฤาษีจอมโกงมาอาศัยอยู่แทน ชาวบ้านและเจ้าเหี้ยก็เข้าใจว่าฤาษีผู้นี้เป็นผู้มีศีล ผู้ปฏิบัติดี

อยู่มาวันหนึ่งในฤดูแล้ง มีฝนตกลงมาทำให้ฝูงแมลงเม่าออกมาจากจอมปลวก ฝูงเหี้ยก็พากันออกมาหากินแมลงเม่าเหล่านั้น พวกชาวบ้านก็ออกจับเหี้ยเอามาปรุงอาหาร จัดทำเป็นเนื้อส้ม รุ่งเช้าจึงเอามาถวายพระฤาษี

ฤาษีฉันเนื้อส้มนั้นแล้วก็ติดใจ จึงถามชาวบ้านว่านี่มันเนื้ออะไร พอรู้ว่าเป็นเนื้อเหี้่ย จึงคิดในใจว่า ปกติก็มีเหี้ยตัวหนึ่งชอบเข้ามาในสำนักของเรา เราจะฆ่าเพื่อจะกินเนื้อมันให้ได้ จึงสั่งให้คนขนภาชนะสำหรับต้มแกงและเครื่องปรุงต่างๆมาวางไว้ข้างหนึ่ง ส่วนตัวเองได้ถือค้อนไม้ซ่อนไว้ด้วยผ้าห่ม แล้วนั่งรอคอยการมาของเจ้าเหี้ยอย่างสงบเสงี่ยม

นิทานชาดก พัพพุชาดก : แมวเสียท่า ลีลาหนู

นิทานชาดก พัพพุชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก พัพพุชาดก : ทรงปรารภการบัญญัติสิกขาบทของพระภิกษุในเรื่องการรับอาหาร คือ นางกาณาที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน สามีนางได้ส่งคนมาบอกให้รีบกลับบ้าน แม่ของนางกาณาได้บอกว่าจะทอดขนมฝากไป แต่เวลาเดียวกันนั้น ได้มีพระภิกษุเดินมาบิณฑบาติ แม่ของนางกาณาจึงได้ใส่บาตรด้วยขนมนั้น แล้วก็ทอดใหม่ เป็นอย่างนี้ถึง 4 ครั้ง สุดท้ายสามีนางยื่นคำขาดว่าถ้ายังไม่กลับ เขาจะไปมีภรรยาใหม่ แต่แม่นางกาณาก็ยังทอดขนมไม่เสร็จ นางกาณาจึงยังไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ สามีนางจึงได้ทิ้งนางกาณาไปมีภรรยาใหม่

 

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีเศรษฐีคนหนึ่งฝังเงินไว้ 40 โกฏิ เมื่อเวลาจะตายก็มอบให้ภรรยาดูแล และด้วยความเป็นห่วงในทรัพย์นั้นเมื่อภรรยาเขาตายลงก็มาเกิดเป็นหนูเฝ้าขุมทรัพย์ของตน ส่วนเศรษฐีนั้นไร้ผู้สืบสกุล บ้านจึงขาดคนดูแลและกลายเป็นบ้านร้างโดยลำดับ

ครั้งนั้นมีช่างสลักหินคนหนึ่งเดินทางมาถึงบ้านร้างแห่งนี้ ได้ขุดหินในบ้านไปสลัก นางหนูเมื่อเห็นช่างสลักหินบ่อยเข้าก็เกิดความรักจึงคิดในใจว่า

เรามีเงินอยู่มากมายแต่ก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้ เราควรทำความรู้จักกับชายคนนี้สักหน่อย’ คิดได้ดังนั้นนางหนูก็คาบเงิน 1 กหาปณะไปมอบให้ช่างแกะสลักแล้วบอกว่า

ฉันให้”

ชายหนุ่มทำหน้าฉงนแล้วถามกลับว่า

เธอต้องการอะไรหรือ ให้เงินฉันทำไม”

ฉันให้เงินท่านไปซื้อเนื้อมาให้ฉันกินบ้างนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือท่านก็เก็บไว้เถอะ”

งั้นก็ได้ ฉันจะจัดการให้” ชายหนุ่มรับคำ

ว่าแล้วเขาก็เข้าเมืองไปซื้อเนื้อมาให้หนู และหนูก็ให้เงินเขา 1 กหาปณะ เป็นเช่นนี้ทุกวัน

ต่อมาอีกหลายวัน มีแมวตัวหนึ่งตะครุบหนูไว้ได้ นางหนูจึงร้องขอชีวิต

อย่ากินฉันเลย ฉันตัวนิดเดียวไม่พออิ่มท้องหรอกจ้ะ พ่อแมว”

นิทานชาดก กูฏวาณิชชาดก : เทวดาโกงกับคนฉลาด

นิทานชาดก กูฏวาณิชชาดก

เหตุที่พระพุทธเจ้าตรัส นิทานชาดก กูฏวาณิชชาดก : ทรงปรารภพ่อค้าโกงคนหนึ่ง

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีพ่อค้า 2 คน ชื่อว่าบัณฑิตและอติบัณฑิต ร่วมกันทำการค้าโดยชวนกันบรรทุกสินค้าใส่เกวียน 500 เล่ม ออกไปขายในชนบท เมื่อขายสินค้าหมดแล้วก็พากันเดินทางกลับสู่กรุงพาราณสี

ครั้งถึงเวลาที่จะแบ่งกำไรในการค้าขาย พ่อค้าอติบัณฑิตพูดขึ้นว่า

นี่เพื่อน เราว่าเราควรได้กำไร 2 ส่วน”

ทำไมล่ะ” พ่อค้าที่ชื่อบัณฑิตถาม

ก็เพราะว่าเราชื่ออติบัณฑิต ที่แปลว่าเหนือกว่าบัณฑิตไง ดังนั้นเราควรได้ 2 ส่วน นายเอาไปส่วนเดียว” อติบัณฑิตตอบหน้าตาเฉย

เฮ้ย จะเป็นงั้นได้ไงเล่า เราลงทุนเท่ากันก็ควรจะแบ่งเท่าๆกันสิ นายจะได้มากกว่าได้ยังไง” พ่อค้าบัณฑิตไม่ยอม

 

ก็บอกแล้วว่าเราชื่อ อติบัณฑิต เราต้องได้สองส่วน” อติบัณฑิตยังคงยืนกราน

นิทานชาดก มกสชาดก : ตบยุงจนคนตาย

มสกชาดก

เหตุที่ตรัส มสกชาดก : ทรงปรารภชาวบ้านที่ถือธนูและอาวุธตั้งใจจะไปฆ่ายุง แต่กลับเล็งผิดกลายเป็นฆ่ากันเอง

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

ครั้งนั้นที่บ้านชายแดนแห่งหนึ่งในแคว้นกาสี มีหมู่บ้านช่างไม้ตั้งอยู่ที่นั่น

วันหนึ่งช่างไม้หัวล้านคนหนึ่งกำลังตากไม้ ขณะเดียวกันก็มียุงบินมากัดที่หัว เขาจึงเรียกลูกชายให้มาฆ่ายุง

 

ลูกชายที่อยู่ใกล้ๆ จึงบอกให้พ่ออยู่นิ่งๆ เขาจะฆ่ายุง พร้อมกับเงื้อขวานเล่มใหญ่ที่อยู่ในมือ ฟังลงมาเต็มที่ ที่หัวของพ่อ ด้วยคิดว่าจะฆ่ายุง เลยผ่าสมองของพ่อแตกเป็น 2 ซีก ช่างไม้ผู้เป็นพ่อ ถึงแก่ความตายในทันที

พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านช่างไม้ที่กำลังหาสินค้าไปขายได้เห็นการกระทำนั้นจึงกล่าวว่า “มีศัตรูผู้ฉลาด ยังดีกว่ามีมิตรโง่” เพราะศัตรูที่ฉลาดจะทำให้เราต้องพัฒนาขึ้น แต่มีมิตรโง่ มีแต่จะทำให้เราเสื่อมลง