นิทานชาดก พัพพุชาดก : แมวเสียท่า ลีลาหนู

นิทานชาดก พัพพุชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก พัพพุชาดก : ทรงปรารภการบัญญัติสิกขาบทของพระภิกษุในเรื่องการรับอาหาร คือ นางกาณาที่แต่งงานออกเรือนไปแล้วกลับมาเยี่ยมแม่ที่บ้าน สามีนางได้ส่งคนมาบอกให้รีบกลับบ้าน แม่ของนางกาณาได้บอกว่าจะทอดขนมฝากไป แต่เวลาเดียวกันนั้น ได้มีพระภิกษุเดินมาบิณฑบาติ แม่ของนางกาณาจึงได้ใส่บาตรด้วยขนมนั้น แล้วก็ทอดใหม่ เป็นอย่างนี้ถึง 4 ครั้ง สุดท้ายสามีนางยื่นคำขาดว่าถ้ายังไม่กลับ เขาจะไปมีภรรยาใหม่ แต่แม่นางกาณาก็ยังทอดขนมไม่เสร็จ นางกาณาจึงยังไม่สามารถกลับไปมือเปล่าได้ สามีนางจึงได้ทิ้งนางกาณาไปมีภรรยาใหม่

 

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีเศรษฐีคนหนึ่งฝังเงินไว้ 40 โกฏิ เมื่อเวลาจะตายก็มอบให้ภรรยาดูแล และด้วยความเป็นห่วงในทรัพย์นั้นเมื่อภรรยาเขาตายลงก็มาเกิดเป็นหนูเฝ้าขุมทรัพย์ของตน ส่วนเศรษฐีนั้นไร้ผู้สืบสกุล บ้านจึงขาดคนดูแลและกลายเป็นบ้านร้างโดยลำดับ

ครั้งนั้นมีช่างสลักหินคนหนึ่งเดินทางมาถึงบ้านร้างแห่งนี้ ได้ขุดหินในบ้านไปสลัก นางหนูเมื่อเห็นช่างสลักหินบ่อยเข้าก็เกิดความรักจึงคิดในใจว่า

เรามีเงินอยู่มากมายแต่ก็เอาไปใช้อะไรไม่ได้ เราควรทำความรู้จักกับชายคนนี้สักหน่อย’ คิดได้ดังนั้นนางหนูก็คาบเงิน 1 กหาปณะไปมอบให้ช่างแกะสลักแล้วบอกว่า

ฉันให้”

ชายหนุ่มทำหน้าฉงนแล้วถามกลับว่า

เธอต้องการอะไรหรือ ให้เงินฉันทำไม”

ฉันให้เงินท่านไปซื้อเนื้อมาให้ฉันกินบ้างนิดหน่อยเท่านั้น ส่วนเงินที่เหลือท่านก็เก็บไว้เถอะ”

งั้นก็ได้ ฉันจะจัดการให้” ชายหนุ่มรับคำ

ว่าแล้วเขาก็เข้าเมืองไปซื้อเนื้อมาให้หนู และหนูก็ให้เงินเขา 1 กหาปณะ เป็นเช่นนี้ทุกวัน

ต่อมาอีกหลายวัน มีแมวตัวหนึ่งตะครุบหนูไว้ได้ นางหนูจึงร้องขอชีวิต

อย่ากินฉันเลย ฉันตัวนิดเดียวไม่พออิ่มท้องหรอกจ้ะ พ่อแมว”

หิวจนตาลาย ข้าจะกินเจ้าเดี๋ยวนี้” เจ้าแมวขู่

ท่านอยากกินฉันวันนี้หรืออยากมีเนื้อกินทุกวันล่ะ” นางหนูถาม

ถ้าเลือกได้ ข้าก็อยากได้เนื้อกินทุกวันสิ” เจ้าแมวตอบ

งั้นปล่อยฉันไป แล้วฉันสัญญาว่าจะให้เนื้อท่านกินทุกวัน” นางหนูต่อรอง

ก็ได้” เจ้าแมวรับ แล้วปล่อยหนูไป

วันรุ่งขึ้น นางหนูจึงต้องแบ่งเนื้อที่ได้ออกเป็น 2 ส่วน ให้ตัวเองหนึ่ง และแบ่งให้แมวหนึ่ง

ต่อมาอีก 2-3 วัน นางหนูก็โดนแมวอีกตัวจับได้อีก มันก็ต่อรองแบบเดียวกับครั้งแรก มันจึงต้องแบ่งเนื้อออกเป็น 3 ส่วน

และมันก็โดนแมวอีก 2 ตัวจับได้อีก มันจึงต้องแบ่งเนื้อทั้งหมดเป็น 5 ส่วน

นางหนูได้กินเนื้อน้อยสุด จึงทำให้มันผอมลงๆ

ช่างแกะสลักหินเห็นเข้าจึงไต่ถาม

ทำไมเธอผอมหัวโตอย่างนั้นเล่า”

นางหนูจึงเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง

ช่างสลักหินฟังแล้วก็สงสารนางหนู จึงคิดจะช่วย เขาจึงกลับบ้านไปทำกล่องแก้วผลึกใส เจาะรูไว้ให้หนูเข้าได้ แล้วก็นำมามอบให้นางหนู

เจ้าเข้าไปอยู่ในนี้แล้วก็นอนเสีย ถ้ามีแมวมาเจ้าก็ตวาดมันไปด้วยถ้อยคำรุนแรง มันเข้ามาทำอะไรเจ้าไม่ได้หรอก”

ดังนั้น เมื่อมีแมวเจ้าหนี้มาทวงเนื้อจากนางหนู มันจึงตวาดใส่หน้าแมวว่า

เจ้าแมววายร้าย ข้าเป็นขี้ข้าส่งเนื้อให้เอ็งหรือไง เอ็งกลับไปกินเนื้อลูกของเอ็งเถอะ”

ฝ่ายแมวได้ยินดังนั้นก็โกรธหนักหนา อีกทั้งยังมองไม่เห็นกล่องแก้วผลึก มันจึงกระโจนเข้าหานางหนูเต็มแรงหวังตะครุบมันให้ตายคามือ หน้าอกของแมวจึงกระแทกกับกล่องแก้วผลึกจนมันกระอักเลือดถึงแก่ความตายในทันที

และแมวตัวอื่นก็มีจุดจบอย่างเดียวกัน

ตั้งแต่นั้น นางหนูก็ได้กินเนื้ออย่างอิ่มหนำสำราญแต่เพียงผู้เดียว นางหนูได้เพิ่มเงินให้แก่นายช่างแกะสลัก และสุดท้ายก็มอบเงินทั้งหมดให้แก่เขา ทั้งสองเกื้อกูลกันตลอดมาจนสิ้นชีวิต

ข้อคิดจากชาดก พัพพุชาดก :
1.
ผู้ข่มเหงผู้อื่นย่อมประสบความย่อยยับในที่สุด
2.
การมีมิตรที่ดี ย่อมจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้

ประชุมชาดก
นางหนูในครั้งนั้น ได้เกิดเป็น มารดานางกาณา
ช่างแกะสลักหิน ได้เกิดเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิทานชาดก พัพพุชาดก