นิทานชาดก กุกกุรชาดก : สุดยอดหมาป่า ปัญญาไม่แพ้ใคร

นิทานชาดก กุกกุรชาดก สุดยอดหมาป่่า

เหตุที่ตรัสชาดก กุกกุรชาดก: ทรงปรารภการประพฤติประโยชน์แก่พระญาติ

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ ในพระนครพาราณสี

มีหมาป่าฝูงหนึ่งอาศัยอยู่ในป่าช้าใกล้เมือง หัวหน้าหมาป่าเป็นผู้เฉลียวฉลาด และมีระเบียบวินัยอย่างดียิ่ง วันหนึ่งเมื่อพระเจ้าพรหมทัตกลับจากประพาสอุทยานโดยขบวนรถแล้ว พวกเจ้าหน้าที่ได้จอดรถพระที่นั่งไว้ที่พระลานหลวงนั่นเอง บังเอิญในคืนวันนั้น ฝนตกหนัก รถพระที่นั่งจึงเปียกฝน พวกสุนัขทรงเลี้ยงในพระราชวังได้กลิ่นตุๆ ของสายรัดและเบาะหนังของรถพระที่นั่ง จึงพากันลงมาแทะกินจนเสียหายแล้วก็กลับไปนอนหลับอย่างสุโขในที่ของมัน

ครั้งรุ่งเช้าเมื่อพนักงานมาเห็นเข้า จึงพากันไปทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบ พระองค์ทรงพิโรธหนักถึงกับรับสั่งให้ประกาศทั่วพระนครว่า 

“ถ้าใครพบหมาที่ไหนก็ตาม ให้จับหมาฆ่าเสียให้หมด อย่าได้ไว้ชีวิตมันเป็นอันขาด”

ตั้งแต่นั้นความโกลาหลก็ได้เกิดขึ้น ประชาชนพลเมืองพากันฆ่าหมาเสียเกือบหมด หมาทั้งหลายจึงไม่อาจอยู่ในเมืองได้ ได้พากันหลบหนีเข้าป่าไป

เมื่อหัวหน้าหมาป่าเห็นพวกหมาบ้านมาประชุมกัน จึงได้สอบถามถึงที่มาที่ไป

“พวกท่านเป็นหมาบ้านทำไมมาอยู่ในป่าเสียล่ะ”

“พวกเราอยู่ไม่ได้แล้ว พระราชามีรับสั่งให้ฆ่าหมาทุกตัวให้หมด” หมาบ้านตัวหนึ่งตอบด้วยแววตาตื่นตระหนก

“อะไรกัน ทำไมพระองค์จึงมีรับสั่งเช่นนั้น” หัวหน้าหมาป่าซัก

“ก็เมื่อคืน มีหมาที่ไหนไม่รู้ไปกัดกินรถพระที่นั่งของพระองค์น่ะซี” หมาบ้านอีกตัวตอบ

หัวหน้าหมาป่าคิดได้ทันทีว่า ในพระราชวังมีทหารอารักขาแน่นหนาอย่างนั้น หมาที่ไหนจะเข้าไปได้ ต้องเป็นหมาในพระราชวังนั่นแหละเป็นต้นเหตุ ว่าแล้วก็ปลอบโยนเหล่าหมาบ้านให้คลายกังวล แล้วก็หลบไปตั้งสัตยาธิษฐานมิให้ผู้ใดทำร้ายตนได้

จากนั้นจึงเดินทางออกจากป่าช้าลอบเข้าไปในพระราชวัง ด้วยสัตยาธิษฐานที่ตั้งไว้จึงไม่มีใครอยากทำร้ายเจ้าหัวหน้าหมาป่าเลย เมื่อเข้าพระราชวังได้แล้วก็วิ่งเข้าไปนอนอยู่ใต้บัลลังก์ของพระเจ้าพรหมทัตในท้องพระโรง

พอพระเจ้าพรหมทัตเสด็จออกว่าราชการ เจ้าหมาป่าก็ออกมาทูลถามพระองค์

“ข้าพเจ้าได้ข่าวว่าพระองค์มีรับสั่งให้ฆ่าหมาทั้งหมด จริงหรือพระเจ้าข้า”

“ใช่ ข้าสั่งเอง” พระเจ้าพรหมทัตตอบ “ก็มันมากินหนังหุ้มรถของข้า ข้าจะเอามันไว้ทำไม”

“หมายความว่าพระองค์โปรดให้ฆ่าหมาทั้งหมดหรือที่ไม่ถูกฆ่าก็มี พระเจ้าฆ่า” หมาป่าทูลถามต่อ

“จะมีก็แต่เฉพาะหมาในวังเท่านั้นแหละ”

“ถ้าอย่างนั้นพระองค์ก็ไม่ยุติธรรม เพราะการทำเช่นนี้ แม้ว่าหมาข้างนอกจะถูกฆ่าตายหมด พระองค์ก็ไม่สามารถรู้ได้ว่าตัวไหนเป็นตัวต้นเหตุ พระเจ้าข้า”

“แล้วเจ้ารู้รึไง”

“ข้าพเจ้ามั่นใจว่านอกจากหมาในวังของพระองค์แล้ว ไม่มีหมาตัวไหนที่จะเข้ามา ณ ที่นี้ได้เลย พระเจ้าข้า”

พระเจ้าพาราณสีได้ฟังก็ชักจะเห็นด้วย จึงรับสั่งถามต่อไป

“แล้วเจ้าจะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าหมาในวังเป็นตัวการ”

“ไม่ยาก พระเจ้าข้า” หมาป่าเจ้าปัญญาทูลแนะขึ้นโดยไม่รั้งรอ “พระองค์รับสั่งให้คนเอาน้ำมันเปรียงกับหญ้าแพรกมาสักหน่อย จัดการขยำหญ้าลงในน้ำมันเปรียง แล้วเอากรอกปากหมาในวังทุกตัว เดี๋ยวก็รู้เองพระเจ้าข้า”

พระเจ้าพรหมทัตรับสั่งให้จัดการตามข้อเสนอของมันทันที ไม่กี่นาทีหลังจากนั้น หมาทั้งหมดก็พากันถ่ายออกมา  พร้อมกับหนังที่พวกมันกินเข้าไป

พระเจ้าพรหมทัตเห็นดังนั้นก็ทรงโสมนัสเป็นอันมาก ตรัสให้อภัยโทษแก่สัตว์ทั้งหลาย หัวหน้าหมาป่าได้ทูลให้พระองค์ทรงตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม และตั้งแต่นั้นมา พระราชาได้สั่งให้คนนำอาหารอย่างดีมาส่งให้เจ้าหมาป่าเป็นประจำ และหมาป่าทั้งฝูงก็พลอยได้รับอานิสงส์อันนี้ด้วย

ข้อคิดจากชาดก : กุกกุรชาดก
1. การตัดสินลงโทษใครควรสอบสวนให้ได้ความชัดแจ้งเสียก่อน
2. เก็บของใช้ให้เข้าที่ทุกครั้ง ของใช้จะได้ไม่ถูกทำลายเสียหาย

ประชุมชาดก
พระราชาในครั้งนั้น ได้เป็น พระอานนท์
หัวหน้าหมาป่าในครั้งนั้น ได้เป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิทานชาดก กุกกุรชาดก  สุดยอดหมาป่่า