นิทานชาดก พกชาดก : นกยางเจ้าเล่ห์กับปู

นิทานชาดก พกชาดก นกยางเจ้าเล่ห์กับปู

เหตุที่ตรัสชาดก พกชาดก : ที่วัดพระเชตวัน มีพระจีวรวัฑฒกะ(แปลว่าพระที่มีความสามารถในการทำจีวร) รูปหนึ่งมีความสามารถในการย้อมผ้าเก่าให้เป็นผ้าใหม่ได้ แต่ไม่ได้บอกใครว่านั่นเป็นผ้าเก่านำมาย้อม พระอื่นๆเห็นว่าเป็นผ้าเนื้อดีจึงนำผ้าใหม่มาให้ท่านย้อมให้บ้าง แต่พระจีวรวัฑฒกะบอกว่าการย้อมมันต้องใช้เวลานานเดี๋ยวท่านๆจะไม่มีผ้าใช้ จึงแนะนำให้แลกกับผ้าย้อมที่มีอยู่ เมื่อพระที่นำจีวรมาแลกได้ผ้าย้อมแมวไป พอนำไปซักด้วยน้ำร้อน เกิดสีตกจึงรู้ว่าถูกหลอก และในครั้งนั้นที่หมู่บ้านนอก มีพระจีวรวัฑฒกะที่ย้อมแมวผ้าจีวรหลอกพระอื่นๆเช่นกัน ได้ข่าวนี้จึงมาที่วัดพระเชตวันแล้วหลอกพระจีวรวัฑฒกะที่วัดเชตวันด้วยอาการเดียวกันคือนำผ้าเก่ามาหลอกแลกผ้าใหม่ ความที่ว่าพระหลอกพระจึงดังไปทั่ววัด

ในอดีตกาล นานมาแล้ว มีสระใหญ่แห่งหนึ่งอยู่ในป่า เป็นที่อาศัยของปลาน้อยใหญ่จำนวนมาก ต่อมาในฤดูแล้ง น้ำในสระได้แห้งขอดลง ปลาในสระไม่สามารถที่จะย้ายสระได้จึงได้แต่นอนรอความตายอยู่ที่นั่น
บังเอิญวันนั้น มีนกยางบินผ่านมาพอดี เจ้านกยางเกิดเปรี้ยวปากอยากกินปลา จึงคิดอุบายหาทางกินปลาอย่างง่ายๆ โดยไม่ต้องลงไปไล่จับปลาให้ตัวเปื้อนโคลน แล้วมันก็นึกขึ้นได้ บินถลาลงไปเกาะขอบสระในทันที

“นี่เจ้านกยาง เจ้าเป็นอะไร ทำไมยืนหน้าเศร้าแบบนั้น” ปลาตัวหนึ่งเอ่ยถาม
“ข้าสงสารพวกเจ้านะซี อีกไม่นานก็ต้องตายเพราะน้ำในสระแห้งลงเรื่อยๆ” นกยางบอกเสียงสลด
“นั่นน่ะซี เมื่อก่อนก็มีน้ำเต็มสระ แต่ปีนี้มันแล้งจริงๆ พวกข้าก็ไม่รู้จะทำยังไง หนีไปไหนก็ไม่ได้” ปลาอีกตัวบ่น 
“เอาอย่างนี้ไหมล่ะ” เจ้านกยางเริ่มแผนการ “เมื่อกี้ที่ข้าบินผ่านมา มีสระใหญ่อีกสระอยู่ตรงโน้น ดอกบัวบานสะพรั่ง น้ำใสเอ่อเต็มสระเลย ให้ข้าคาบพวกเจ้าไปปล่อยที่สระโน้นไหม”
“นี่ เจ้าเป็นนกยาง อาหารของเจ้าคือปลา แล้วพวกข้าจะเชื่อเจ้าได้ยังไงว่าเจ้าหวังดีจริงๆ” ปลาถามเพราะไม่แน่ใจ
“แหม! พวกเจ้านี่ ถึงคราวก่อนข้าจะเคยกินปลา แต่คราวนี้ข้าอยากจะช่วยพวกเจ้าจริงๆ …เอาอย่างนี้สิ เจ้าก็ส่งตัวแทนไปกับข้าตัวนึงก่อน ถ้าข้าพูดไม่จริง พวกเจ้าก็ไม่ต้องไป” นกยางเสนอทางออก

พวกปลารู้สึกพอใจกับเงื่อนไขนี้จึงประชุมกันอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เลือกปลาหมอตัวที่แข็งแรงส่งไปเป็นตัวแทน
นกยางจึงคาบปลาหมอไปปล่อยที่สระแห่งหนึ่งให้มันเล่นน้ำจนพอใจแล้วจึงพากลับมา
“นี่เพื่อนๆ เจ้านกยางพูดถูกจริงๆ ที่สระโน้นนะ น้ำใสมาก ดอกบัวบานเต็มเลย แล้วก็รอบๆ ยังร่มรื่นมากอีกด้วย” ปลาหมอกลับมาคุยให้เพื่อนๆ ฟัง
“เห็นไหมล่ะ ทีนี้จะเชื่อข้าได้หรือยัง” นกยางสัมทับ
“ตกลง งั้นพวกข้าต้องพึ่งเจ้าแล้ว นกยาง ช่วงพาพวกเราไปส่งที่สระโน้นทีเถอะ” ปลาร้องขอ
“ได้ ข้าจะลงทุนคาบพวกเจ้าไปทีละตัวๆ” นกยางรีบตอบ

แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ แทนที่เจ้านกยางจะคาบปลาไปปล่อยที่สระ มันกลับบินลงที่ข้างสระแล้วจิกกินปลาอย่างเอร็ดอร่อย มันบินกลับไปกลับมาเช่นนี้จนกินปลาหมดสระ เหลือแต่ปูอยู่ 1 ตัว มันนึกอยากกินเนื้อปูดูบ้าง
“นี่เจ้าปู ให้ข้าคาบไปส่งไหม พวกปลาเขาไปกันหมดแล้ว” นกยางถาม
เจ้าปูรู้เล่ห์กลของนกยางดีจึงบอกว่า
“ก็ได้ แต่ให้ข้าหนีบคอเจ้าไปดีกว่า เพราะกระดองข้าแข็ง ถ้าให้เจ้าคาบไป มีหวังข้าได้หล่นกลางทางแน่”
“ตกลง” นกยางหลงกลเข้าบ้าง

เมื่อมาถึงสระใหญ่ มันบินลงที่ข้างสระเช่นเคย
“ทำไมไม่ไปปล่อยข้าที่สระล่ะ” เจ้าปูร้องถาม
“เรื่องอะไรข้าจะปล่อยเจ้า อุตส่าห์บินมาตั้งไกล ข้าอยากกินเนื้อปูตะหาก ฮ่าๆๆ” นกยางหัวเราะร่า
“เจ้าลืมอะไรไปหรือเปล่า ข้าหนีบคอเจ้าอยู่นะ” ปูเตือนความจำ
“รีบพาข้าไปปล่อยที่สระเดี๋ยวนี้ไม่งั้นข้าจะหนีบคอเจ้าจนตาย” เจ้าปูบอกพร้อมกับกระชับก้ามของมันที่คอของนกยาง
“โอ๊ยๆๆ รู้แล้วๆๆ” นกยางร้อง แล้วก็รีบเดินไปที่สระ
แต่เจ้าปูไม่ให้โอกาสมันรอดชีวิต มันหนีบคอนกยางจนขาดกระเด็น นกยางสิ้นใจตาย ณ ที่ตรงนั้นเอง

รุกขเทวาที่อาศัยอยู่ที่ต้นไม้ใหญ่เห็นแล้วจึงกล่าวคาถาว่า “ผู้ใช้ปัญญาหลอกลวงผู้อื่น ย่อมพบกับความทุกข์ เช่นนี้แล”

ข้อคิดจากชาดก : พกชาดก
1. เมื่อมีปัญญาควรใช้ในทางที่ถูกต้อง
2. อย่าคิดว่าคนอื่นจะรู้ไม่ทันตนเอง
3. อย่าเห็นแก่ความสบายโดยลืมความเป็นจริง
4. อย่างเชื่อคนง่าย

ประชุมชาดก
นกยาง ได้เกิดเป็น พระจีวรวัฑฒกะผู้อยู่ในพระเชตวัน
ปู ได้เกิดเป็น พระจีวรวัฑฒกะชาวบ้านนอก รุกขเทวดา ได้เกิดเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิทานชาดก พกชาดก นกยางเจ้าเล่ห์กับปู