Tag Archives: สุนัข

นิทานชาดก วิโรจนชาดก : จิ้งจอกเหิมเกริม อยากเริ่มเป็นราชสีห์

วิโรจนชาดก : จิ้งจอกเหิมเกริม อยากเริ่มเป็นราชสีห์

เหตุที่พระพุทธเจ้าทรงตรัส วิโรจนชาดก : ทรงปรารภพระเทวทัตที่พยายามแสดงอากัปกิริยาเลียนแบบพระองค์ ในคราวที่พระพุทธเจ้าได้ส่งพระโมคคัลลาและพระสารีบุตรไปตามพระสงฆ์ที่หลงเชื่อย้ายไปอยู่กับพระเทวทัต เมื่อพระเทวทัตเห็นพระอัครสาวกทั้งสองมาก็ดีใจ นึกว่าจะมาอยู่ด้วยจึงให้พระโมคคัลลาและพระสารีบุตรแสดงธรรมแทน ส่วนตัวเองขอตัวไปนอนเพราะได้แสดงธรรมมาตลอดคืนแล้ว พระอัครสาวกทั้งสองแสดงธรรมแก่ภิกษุเหล่านั้นจนเกิดความตื่นรู้แล้วจึงพากันกลับไปสู่พระเวฬุวันวิหารกันทั้งหมด พระโกกาลิกะเห็นวิหารว่างเปล่าจึงไปสู่สำนักพระเทวทัต แล้วดึงผ้าห่มที่คลุมร่างพระเทวทัตออก กระทืบเท้าลงไปที่หัวใจอย่างแรง พระเทวทัตมีเลือดไหลออกจากปากและถึงกับเป็นไข้ในเวลาต่อมา

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในพระนครพาราณสี

มีไกรษรสีหราชตัวหนึ่ง อาศัยอยู่ในถ้ำทอง ที่ป่าหิมพานต์ ครั้งหิวขึ้นมาคราใด ก็จะสะบัดกาย มองดูทิศทั้งสี่ บรรลือสีหนาท แล้วเหยาะย่างออกหาอาหาร ฆ่ากระบือใหญ่ แล้วกินเนื้อ จากนั้นได้ลงไปดื่มน้ำในสระที่มีสีเหมือนแก้วมณี แล้วจึงเดินกลับเข้าถ้ำทองตามเดิม

ครั้งหนึ่ง มีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเที่ยวออกล่าเหยื่อ เผชิญหน้าเข้ากับราชสีห์อย่างจัง และคิดว่าคงจะหนีไปไหนไม่รอด จึงนอนหมอบลงแทบเท้าราชสีห์

ราชสีห์ : มีะไรหรือเจ้าจิ้งจอก

สุนัขจิ้งจอก : ข้าพเจ้ามาเพื่อจะรับใช้ท่านน่ะท่านราชสีห์

ราชสีห์ : อ้อ เอาสิ มาอยู่กับข้า ข้าจะให้เจ้าได้กินเนื้อดีๆ

แล้วราชสีห์ก็พาสุนัขจิ้งจอกไปยังถ้ำทอง ตั้งแต่นั้นมา สุนัขจิ้งจอกก็ได้กินเดนราชสีห์ จนร่างกายที่ซูบผอมกลับมาอ้วนพี

อยู่มาวันหนึ่ง ราชสีห์นอนอยู่ในถ้ำ ได้บอกจิ้งจอกว่าให้ไปยืนบนยอดเขา แล้วมองลงไปถ้าอยากกินเนื้อสัตว์ตัวใด ให้กลับมาบอก แล้วให้พูดว่า “นายท่าน เชิญท่านคำรามเถิด” ราชสีห์ จะไปฆ่าสัตว์นั้นมากิน แล้วแบ่งเนื้ออร่อยๆให้จิ้งจอกกินด้วย

สุนัขจิ้งจอกจึงขึ้นไปสู่ยอดเขา มองดูฝูงสัตว์นานาชนิด เมื่อนึกอยากกินเนื้อสัตว์ชนิดใด ก็เข้าไปสู่ถ้ำทองบอกแก่ราชสีห์ แล้วหมอบลงแทบเท้า กล่าวว่า “นายท่าน เชิญท่านคำรามเถิด” ราชสีห์ก็วิ่งไปโดยเร็ว ถึงแม้เป็นช้างตกมัน ก็ไม่มีทางรอดเงื้อมมือของราชสีห์ไปได้

นิทานชาดก อภิณหชาดก : เพื่อนหาย ใจหาย

นิทานชาดก ช้าง สุนัข อภิณหชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก : ทรงปรารภอุบาสกคนหนึ่งกับพระเถระแก่ ที่มีความสนิทสนมกันมาก ไปมาหาสู่กันอยู่เสมอ

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี พระองค์มีช้างมงคลหัตถีตัวหนึ่งเลี้ยงไว้ในโรงช้างภายในพระราชวัง ต่อมามีลูกสุนัขตัวหนึ่งเข้าไปอาศัยกินข้าวอยู่ในโรงเลี้ยงช้างนั้นเป็นประจำจนคุ้นเคยสนิทสนมกับช้าง ช้างได้จับลูกสุนัขนั้นขึ้นชูเล่น บางทีก็ยกขึ้นวางไว้บนศีรษะของมันด้วยความรักใคร่อย่างยิ่ง

วันหนึ่งมีคนมาขอซื้อลูกสุนัขตัวนั้นออกไปเลี้ยงที่อื่น และตั้งแต่มันหายไป ช้างเศร้าโศกคิดถึงแต่ลูกสุนัขตัวนั้น ไม่เป็นอันกินหญ้าและน้ำแลย

คนเลี้ยงช้างเห็นดังนั้นจึงนำความไปกราบทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบ พระองค์รับสั่งให้อำมาตย์ผู้หนึ่งไปสังเกตการณ์ เมื่ออำมาตย์ผู้นั้นไปตามรับสั่งแล้วก็ได้ทราบว่าที่ช้างมงคลตัวนี้มีอาหารซึมเศร้า 

นิทานชาดก มูสิกชาดก : จิ้งจอกหลอกกินหนู

เหตุที่ตรัสชาดก มูสิกชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้หลอกลวงรูปหนึ่ง

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี

มีหนูใหญ่ตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในป่ากับลูกน้องบริวารหนูอีกหลายตัว ในครั้งนั้นมีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งเข้ามาหากินในป่านั้น ได้เห็นหนูฝูงใหญ่ ก็คิดวางแผนจะกินหนูพวกนี้ มันจึงทำทีเป็นยืนขาเดียว แหงนหน้าจ้องดวงอาทิตย์อ้าปากกินลมอยู่ใกล้ๆบริเวณนั้น

เมื่อหัวหน้าหนูมาเห็นเข้าใจว่าเจ้าจิ้งจอกตัวนี้เป็นผู้มีศีล จึงเข้าไปถามว่า

“ท่านชื่ออะไร”

“เราชื่อธรรมมิกะ ที่แปลว่าผู้ตั้งอยู่ในธรรม” จิ้งจอกตอบพร้อมกับแปลให้เสร็จสรรพ 

“ทำไมท่านยืนขาเดียวอย่างนั้นล่ะ” เจ้าหนูถามต่อ

“ถ้าเรายืนทั้งสี่ขา แผ่นดินนี้จะรับน้ำหนักเราไม่ไหวแน่ มีหวังถล่ม เราสงสารสัตว์จำนวนมากเดี๋ยวพวกมันจะตายเสีย เราจึงต้องพยายามยืนขาเดียวอยู่อย่างนี้”

“แล้วทำไมท่านต้องอ้าปากตลอดเวลา” เจ้าหนูยังสงสัย