นิทานชาดก สุขวิหาริชาดก : ว่างทุกข์ สุขนิรันดร์

เหตุที่ตรัสชาดก สุขวิหาริชาดก : ทรงปรารภพระภัททิยเถระ (พระอนุชา) ที่เมื่อครั้งพระภัททิยเถระได้ครองราชย์ต่อจากเจ้าชายสิทธัตถะ แม้พระองค์จะแวดล้อมด้วยบริวารและราชองครักษ์ ก็ยังไม่เคยมีความสงบและเป็นสุขเลย จนกระทั่งพระภัททิยเถระได้ออกบวชในพระพุทธศาสนา และได้บำเพ็ญเพียรจนหมดกิเลสเป็นพระอรหันต์ รู้สึกมีความสุขมากจริงๆ จึงได้เปล่งอุทานออกมาตลอดว่า “สุขจริงหนอ” แต่พระภิกษุอื่นเห็นแล้วไม่เข้าใจจึงพากันติเตียน

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชย์สมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี

มีพรามณ์ผู้หนึ่งซึ่งเกิดในตระกูลสูง ได้พิจารณาเห็นโทษของการครองเรือนและเห็นอานิสงส์ของการบวช จึงละทิ้งสมบัติทั้งหลาย มุ่งเข้าป่าบวชเป็นฤาษี ตั้งใจบำเพ็ญเพียรจนบรรลุฌาณสมาบัติ 8 และมีลูกศิษย์ถึง 500 คน 

เมื่อเข้าฤดูฝน สภาพอากาศไม่เหมาะแก่การเจริญภาวนา ท่านฤาษีจึงพาศิษย์เข้ามาพำนักในเมือง โดยพระเจ้าพรหมทัตทรงอนุญาตให้พักได้ในพระราชอุทยานของพระองค์

… 4 เดือนผ่านไป ….

“มหาบพิตร นี่ก็หมดฤดูฝนแล้ว อาตมาและลูกศิษย์ คงต้องกลับไปอยู่ในป่าตามเดิม” ท่านฤาษีบอกกับพระเจ้าพรหมทัต

“แต่ท่านฤาษี นี่ท่านก็ชราภาพมากแล้ว การที่ท่านจะไปใช้ชีวิตในป่าเหมือนเดิมนั้นคงจะลำบากไม่น้อย ข้าพเจ้าขออาราธนาให้ท่านอยู่ต่อเสียที่นี่เถิด ส่วนลูกศิษย์ของท่านก็ให้กลับไปบำเพ็ญเพียรในป่าตามเดิม”

ท่านฤาษีนั่งนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงบอกกับลูกศิษย์ผู้เป็นหัวหน้าว่า

“ถ้าอย่างนั้น อันเตวาสิก เจ้าพาเพื่อนๆ กลับไปกันก่อน แล้วช่วยดูและศิษย์น้องทั้งหลายด้วยนะ”

“ได้ครับ ท่านอาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วง” อันเตวาสิก ตอบรับ

วันหนึ่ง อันเตวาสิกรู้สึกคิดถึงอาจารย์จึงออกเดินทางไปเยี่ยมเยียนท่านอาจารย์ในพระราชอุทยาน

ขณะเดียวกัน พระเจ้าพรหมทัตก็เสด็จมาที่พระราชอุทยานเพื่อกราบนมัสการพระฤาษีเช่นกัน ซึ่งในตอนนั้น อันเตวาสิกเพิ่งมาถึงและกำลังพักผ่อนอยู่

เขาเห็นพระเจ้าพรหมทัตเสด็จมาแต่ไกล แต่ก็มิได้ลุกขึ้นต้อนรับตามมารยาท แต่กลับนอนเฉยเสีย แล้วพึมพำ

สุขจริงหนอ… สุขจริงหนอ…”

พระเจ้าพรหมทัตเห็นดังนั้นจึงไม่พอพระทัยมาก เข้าพระทัยว่าดาบสลูกศิษย์นี้ขี้เกียจ และคงจะล้อเลียนพระองค์ พระองค์จึงเข้าไปตรัสถามพระฤาษี

“ท่านฤาษี ลูกศิษย์ของท่านคงจะฉันอาหารมากไปกระมัง จึงได้นอนละเมอไม่รู้เรื่องแบบนั้น”

“ดูก่อนมหาบพิตร อันเตวาสิกนั้น แต่เดิมก็เป็นกษัตริย์เช่นเดียวกับพระองค์ แต่ที่อุทานออกมาเช่นนั้นมิใช่เพราะอาการอิ่มจัดจนนอนละเมอ แต่เป็นเพราะท่านได้ค้นพบแล้วว่าความสุขที่แท้จริงนั้นเกิดจากการออกบวช และการบรรลุธรรมนั่นเอง ซึ่งเป็นสุขที่จะหาสิ่งใดมาเทียบมิได้”

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตได้ฟังดังนั้นก็เข้าพระทัย และมิได้โกรธดาบสหนุ่มรูปนั้นอีก เมื่อกราบนมัสการพระฤาษีแล้วพระองค์ก็กลับไปยังพระราชวัง

ฝ่ายดาบสหนุ่มเมื่อมีปฏิสันฐานกับพระอาจารย์เรียบร้อยแล้วก็ขอตัวลากลับไปอยู่ในป่าตามเดิม

ส่วนพระฤาษี ก็ได้อยู่บำพ็ญภาวนาในพระราชอุทยานนั้นจนสิ้นอายุขัย และได้ไปบังเกิดในพรหมโลก

ข้อคิดจากชาดก : สุขวิหาริชาดก
ความสุขที่แท้จริงของคนเรานั้นไม่ได้เกิดจากการเป็นใหญ่เป็นโต หรือมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย แต่อยู่ที่การไม่มีวิตกกังวล หรือความร้อนจิตร้อนใจกลัวสิ่งใดๆ นั่นคือสุขจากการเข้าถึงธรรม

ประชุมชาดก
อันเตวาสิกในครั้งนั้น ได้มาเป็น พระภัททิยเถระ
พระฤาษีได้มาเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิทานชาดก