นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก : ไม่สำรวมจักษุ ศีลทะลุ เหาะไม่ได้

นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก : มีพระภิกษุรูปหนึ่งที่เคยตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัด วันหนึ่งออกบิณฑบาตแล้วไปเห็นหญิงสาวสยนางหนึ่ง จึงเกิดกามกำเริบ ไม่บำเพ็ญเพียร ไม่มีความยินดีในเพศบรรพชิต ปล่อยผมยาวรุงรัง และอยากจะสึกออกไปครองเรือน : นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีบุตรพราหมณ์ชั้นสูงคนหนึ่งออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ บำเพ็ญเพียรจนได้คุณวิเศษ วันหนึ่งได้เหาะจากป่าหิมพานต์เข้ามายังกรุงพาราณสี เข้าอาศัยอยู่ในอุทยานของพระเจ้าพรหมทัต รุ่งเช้าก็เข้าไปบิณฑบาตในพระนคร

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเห็นเข้า ก็ทรงเลื่อมใส โปรดให้ราชบุรุษนิมนต์มา และปวารณาเป็นอุปถาก ทรงอาราธนาให้ดาบสอยู่ในอุทยานของพระองค์ ดาบสรับอาราธนา แล้วถวายพระพรลากลับไปพักอยู่ในอุทยาน ตอนเช้าก็เข้าไปในพระราชวัง และให้โอวาทชาววัง เป็นเช่นนี้ทุกวัน จนเวลาล่วงเลยมาได้ 16 ปี

ต่อมาครั้งหนึ่ง พระเจ้าพรมทัตเสด็จไปปราบโจรที่ชายแดน ทรงมอบภาระการถวายอาหารดาบสแก่พระมเหสีนามว่า “มุทุลักขณา” ตั้งแต่นั้นดาบสก็เข้าไปฉันในพระราชนิเวศน์ตามเวลาที่ตนพอใจ มิได้จำกัดเวลาเหมือนเมื่อพระราชาทรงประทับอยู่

วันหนึ่ง พระนางมุทุลักขณาจัดแจงอาหารเสร็จแล้ว ก็เข้าไปอาบน้ำ ประดับพระองค์ด้วยเครื่องทรงอลังการ คิดในใจว่าวันนี้ดาบสคงจะมาช้า จึงทรงประทับเอนพระกาย ทอดพระเนตรดูทางที่ดาบสจะมา

ฝ่ายดาบสหนุ่มเมื่อได้เวลา ก็เข้าฌานเหาะสู่พระราชนิเวศน์  พอพระนางเทวีได้ยินเสียงจีวรแว่วมาในอากาศ ก็ทราบว่าดาบสเหาะมา จึงรีบเสด็จลุกขึ้นจากพระแท่นโดยเร็ว เป็นเหตุให้พระภูษาของพระนางหลุดลุ่ยออกจากพระวรกาย พระดาบสแลเข้าไปทางหน้าต่างพอดี ก็ได้เห็นพระวรกายของพระนางอย่างถนัดตา จึงได้แต่ตะลึงดูพระนางลืมสำรวมอินทรีย์เสียสิ้น ทันใดนั้นก็ให้มีจิตกำเริบด้วยอำนาจตัณหาขึ้นในทันใด

และเพราะใจกำเริบด้วยตัณหานั่นเอง ทำให้พระดาบสเสื่อมจากฌานสมาบัติ ร่วงลงจากอากาศ เหมือนกับนกปีกหักถลาร่อนสู่ช่องพระแกลในบัดดล แต่เคราะห์ดีที่ไม่เป็นอันตราย พระดาบสจึงตั้งสติ รับอาหารบิณฑบาตแล้วกลับสู่อุทยาน วางอาหารทิ้งไว้เข้าสู่ที่นอน ภาพพระวรกายอันเปลือยเปล่าของพระมเหสียังติดตามมากวนใจท่านให้รุ่มร้อนอยู่ตลอดเวลา จนไม่ยอมฉันอาหารถึง 7 วัน ได้แต่นอนซมอยู่อย่างนั้น

ในวันที่ 7 พระราชาเสด็จกลับมา ทรงประทักษิณพระนครแล้วเสด็จไปยังอุทยาน เพื่อพบพระดาบส เมื่อทรงทอดพระเนตรเห็นดาบสมีอาการเช่นนั้น เข้าพระทัยว่าดาบสป่วยหนัก จึงรับสั่งให้ข้าราชบริพารทำความสะอาดบรรณศาลา ทรงนวดเฟ้นที่เท้าทั้งสอง รับสั่งถาม

“พระคุณเจ้าไม่สบายหรือ”

“มิได้ มหาบพิตร” ดาบสตอบ “อาตมากินไม่ได้นอนไม่หลับเพราะอำนาจเสน่หาเสียแล้ว”

“พระคุณเจ้าชอบใจหญิงคนไหน” พระราชารับสั่งถามต่อไป “โปรดบอกโยมเถอะ โยมจะจัดการให้”

ดาบสอึกอักอยู่ครู่ แล้วจึงทำใจกล้าทูลขึ้นว่า

“อาตมาชอบใจนางมุทุลักขณาเทวี มหาบพิตร”

“ถ้าอย่างนั้น พระคุณเจ้าอย่าทุกข์ไปเลย โยมจะถวายตามความประสงค์” พระราชารับสั่งอย่างเอาใจ แล้วนิมนต์ให้ฉันอาหาร เสร็จแล้วพระราชาก็เสด็จเข้าไปยังพระราชวัง รับสั่งให้พระมเหสีตกแต่งพระองค์ให้เรียบร้อย ทรงกำชับพระเทวีเป็นความลับว่า

“พระน้อง จงช่วยรักษาดาบสของเรา และรักษาตัวเจ้าให้ดี อย่าให้เสียศีลเป็นอันขาด”

“เพคะ หม่อมฉันจะปฏิบัติให้เป็นที่เรียบร้อย” มเหสีรับคำ

เมื่อดาบสจะพามเหสีออกจากพระราชนิเวศน์ พระนางตรัสกับดาบสว่า

“ท่านจงไปกราบทูลพระราชาขอเรือนสำหรับเราสักหลังเถิด”

“ได้จ้ะ” แล้วดาบสก็ไปกราบทูลขอ

“ท่านต้องการเรือนรึ โน่นไง ไปอยู่ที่โน่นเถิด” พระราชารับสั่งพร้อมกับชี้นิ้วไปที่เรือนร้างที่ผู้คน ใช้เป็นห้องส้วม

“นี่ไง เรือนของเรา เข้าไปกันเถิด” ดาบสกล่าวกับพระเทวี

“ฉันอยู่ไม่ได้หรอกจ้ะ สกปรกเหลือเกิน” นางมุทุลักขณาตอบ

“งั้นเราจะทำอย่างไรกันดี” ดาบสคิดไม่ออก

“ต้องทำความสะอาดเสียก่อน ท่านจงไปที่ราชสำนัก นำจอบและตะกร้ามา” พระเทวีสั่ง

เมื่อดาบสนำมาแล้ว พระนางก็ให้โกยขยะและสิ่งสกปรกต่างๆ เอาไปทิ้ง จากนั้นก็สั่งให้ไปขนเตียง ขนตั่งมา และยังใช้ให้ไปตักน้ำอีกด้วย

พระดาบสเอาหม้อไปตักน้ำมาจนเต็มตุ่ม เตรียมน้ำสำหรับอาบ แล้วปูที่นอน

เมื่อถึงเวลาจะเข้านอน พระเทวีทรงจับสีข้างพระดาบสฉุดลากมา กดศีรษะให้ก้มลงมาตรงหน้า แล้วรับสั่งว่า

“ท่านไม่รู้ตัวว่า เป็นสมณะหรือเป็นพราหมณ์เลยหรือ เจ้าคะ?”

ดาบสได้ฟังดังนั้นก็กลับได้สติทันที แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานั้นท่านไม่รู้ตัวเอาเสียเลย

“โอ…อำนาจความเสน่หานี่ทำให้เราตาบอดไร้ปัญญาถึงขนาดนี้เชียวหรือ หากเรายอมตกอยู่ภายใต้อำนาจมัน มันจะไม่ยอมให้เราโงหัวขึ้นจากอบายได้ เราจะคืนพระเทวีแก่พระราชาแล้วทูลลากลับป่าหิมพานต์ดีกว่า”

ว่าแล้วก็พาพระมเหสีมุทุลักขณาเข้าเฝ้าพระราชา  ขอพระราชทานอภัยและกล่าวในที่สุดว่า

“มหาบพิตร ก่อนนี้อาตมามีความปรารถนาอยู่อย่างเดียว คือต้องการพระนางเท่านั้น แต่ครั้นได้รับพระราชทานตามประสงค์แล้ว ก็อยากได้อย่างอื่นอีกเป็นอันมาก พอกันที ขอมหาบพิตรจงรับมเหสีของมหาบพิตรคืนไป ส่วนอาตมภาพจะไปยังป่าหิมพานต์”

ทันใดนั้นดาบสก็กลับได้ฌานอีก พอแสดงธรรมโปรดพระเจ้าพรหมทัตจบแล้ว  ก็เหาะขึ้นสู่อากาศมุ่งหน้าไปยังป่าหิมพานต์ บำเพ็ญภาวนาอยู่ ณ ที่นั้น ไม่ยอมกลับมาสู่ถิ่นมนุษย์อีก จนสิ้นชีวิตแล้วไปบังเกิดในพรหมโลก

 

ข้อคิดจากชาดก : นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก
1. อำนาจความเสน่หานั้นมีอิทธิพลรุนแรงมาก จงอย่าประมาทในเพศตรงข้าม
2. ความอยากที่หนึ่ง ย่อมทำให้ความอยากที่สองและสามตามมา ไม่สิ้นสุด

ประชุมชาดก
พระราชา ได้เกิดเป็น พระอานนท์

มุทุลักขณา ได้เกิดเป็น ภิกษุณีอุบลวรรณา
ดาบสหนุ่ม ได้เกิดเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก