เหตุที่ตรัสชาดก มหาสารชาดก : ทรงปรารภพระอานนท์ที่ออกอุบายให้คนขโมยแก้วมณีของพระเจ้าโกศลนำมาคืน
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติในนครพาราณสี
วันหนึ่งหลังจากเสด็จพระพาสอุทยานพร้อมด้วยมเหสี ก่อนจะทรงกีฬาในสระโบกขรณี พระมเหสีได้เปลื้องเครื่องประดับพระศอวางไว้ที่ผ้าสไบ ให้นางกำนัลทั้งหลายนั่งเฝ้า
นางลิงตัวหนึ่งเห็นเครื่องประดับนั้นก็นึกอยากได้ อาศัยจังหวะที่นางกำนัลเผลอหลับ กระโดดลงจากต้นไม้ หยิบสร้อยคอมาสวมแล้วกระโดดกลับไป เอาไปซ่อนไว้ในโพรงไม้
ฝ่ายนางกำนัลเมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นเครื่องประดับ ก็ตกใจจนหน้าซีด ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ตะโกน
“ขโมย! คนขโมยสร้อยพระศอพระมเหสีวิ่งหนีไปแล้ว!”พวกทหารได้ยินดังนั้นจึงรีบวิ่งมาดู แล้วไปกราบทูลพระราชา พระราชามีรับสั่งให้จับขโมยคนนั้นให้ได้
ทหารจึงรีบวิ่งลนลานไปหาตัวผู้ก่อเหตุ ขณะนั้นมีชาวบ้านคนหนึ่งกำลังนั่งตกเบ็ดอยู่ได้ยินเสียงทหารมาก็ตกใจกลัวรีบวิ่งหนีไป ทหารเห็นพิรุษจึงตามจับตัวเขาไปเฝ้าพระราชา
“เจ้าขโมยเครื่องประดับของมเหสีเราไปรึ!” พระราชาตวาด
ชายคนนั้นคิดว่าหากปฏิเสธ คงจะต้องโดนลงทัณฑ์จนตายแน่ๆ จึงต้องจำยอม
“พ..พระเจ้าข้า”
“แล้วเจ้าเอาไปไว้ที่ไหน” พระราชาถามต่อ
“ข้าพระองค์นำไปให้ท่านเศรษฐีแล้วพระเจ้าข้า” เขาซัดทอด
พระราชารับสั่งให้เศรษฐีเข้าเฝ้า
“ข้าพระองค์นำไปให้ท่านปุโรหิตแล้วพระเจ้าข้า” เศรษฐีทูลตอบ
พระราชารับสั่งให้ปุโรหิตเข้าเฝ้า
“ข้าพระองค์นำไปให้นักร้องที่บ้านแล้วพระเจ้าข้า” ปุโรหิตทูลตอบ
พระราชารับสั่งให้นักร้องเข้าเฝ้า
“ข้าพระองค์นำไปให้หญิงโสเภณีแล้วพระเจ้าข้า” ปุโรหิตทูลตอบ
พระราชารับสั่งให้โสเภณีเข้าเฝ้า
“หม่อมฉันไม่รู้เรื่องเพคะ หม่อมฉันไม่ได้เอาไป” นางโสเภณีปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
เมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้พระราชาจึงให้จับคนทั้ง 5 ไว้ก่อน แล้วค่อยสอบสวนต่อในวันรุ่งขึ้น
ปุโรหิตคนหนึ่งคิดว่า คนทั้ง 5 ต้องไม่ใช่ขโมยแน่ๆ น่าจะเป็นฝีมือคนในมากกว่า แต่ที่พวกเขายอมรับเพราะกลัวจะเจ็บตัวต่างหาก คิดดังนี้จึงเข้าเฝ้าพระราชาแล้วทูลขอคนทั้ง 5 ไปขังไว้ที่บ้านของตน ให้คนรับใช้คอยฟังพวกนี้คุยกัน
เมื่อคนทั้ง 5 มาอยู่ด้วยกันแล้ว ต่างก็โวยวายใส่กัน
“นี่แก เราเคยรู้จักกันตั้งแต่เมื่อไร ทำไมถึงซัดทอดมาถึงฉัน” เศรษฐีต่อว่านายพรานเบ็ด
“โธ่ ท่านขอรับ ข้าไม่ได้ขโมยเครื่องประดับนั้นเลย หน้าตาเป็นยังไงก็ไม่รู้ แต่ที่ยอมรับแล้วซัดทอดท่านเพราะคิดว่าท่านเป็นคนมั่งมี อาจช่วยข้าให้รอดได้น่ะขอรับ” นายพรานเบ็ดตอบ ทันทีก็มีเสียงของปุโรหิตดังขึ้น
“แล้วท่านมาซัดทอดข้าทำไมล่ะ ท่านเศรษฐี”
“อ่อ คือ ข้าคิดว่าเราทั้งสองเป็นคนใหญ่คนโต ถ้าช่วยกันพูด พระราชาคงจะเชื่อน่ะ”
“ข้าก็ด้วยไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย ท่านปุโรหิต ทำไมบอกว่าข้าเอาไปเล่า” นักร้องต่อว่า
“ก็เจ้าเป็นนักร้อง เจ้าจะได้มาร้องเพลงคลายเครียดให้ข้าตอนติดคุกไง” ปุโรหิตตอบ
“แล้วฉันล่ะ ท่านคงอยากให้ฉันมาบำเรอท่านในคุกหรือไงกัน” นางโสเภณีค้อนขวับๆ ไปยังนักร้อง
“ฮ่าๆ ถูกแล้ว ในคุกมันออกจะเหงานี่” นักร้องหัวเราะ
“ต๊าย น่าไม่อายๆๆๆ” ว่าแล้วก็ทุบตีนักร้องพลั่กๆ
คนรับใช้ของปุโรหิตที่คอยแอบฟังอยู่ได้นำไปรายงานทันที
“งั้นคนพวกนี้ก็ไม่ใช่ขโมยน่ะสิ” ปุโรหิตพึมพำ “ยังไงต้องเป็นคนในขโมยไปแน่ๆ แต่จะเป็นใครล่ะ” ปุโรหิตนั่งคิดอยู่นาน ไม่เห็นว่าใครจะอาจเอื้อมขนาดนั้นก็นึกได้ว่าในอุทยานมีลิงอยู่ฝูงใหญ่
“รึจะเป็นเจ้าลิงพวกนั้น” ปุโรหิตถามตัวเอง
วันรุ่งขึ้นเขาจึงเริ่มบททดสอบ โดยสั่งให้คนจับลิงมาหลายๆตัว แล้วให้นำเครื่องประดับที่ทำด้วยยางไม้ประดับให้มันทุกตัวแล้วปล่อยไป
เจ้าลิงพวกนั้นต่างก็ดีใจที่ได้เครื่องประดับ มันกระโดดโลดเต้นไปมาเพื่ออวดลิงตัวอื่นที่ไม่ได้เครื่องประดับเหมือนมัน
ฝ่ายนางลิงที่ขโมยเครื่องประดับของพระมเหสีไปนั้น เมื่อเห็นเพื่อนนำเครื่องประดับยางไม้ไปอวด มันก็อยากจะอวดของมันบ้าง
“โธ่ แค่ได้ยางไม้ประดับเข้าหน่อย ทำเป็นคุย นี่ๆ ดูของฉันเสียก่อน เป็นไง” นางลิงคุยพร้อมกับนำเครื่องประดับที่ซ่อนไว้ออกมาโชว์
ทหารที่แอบซ่อนอยู่เห็นดังนั้น ก็รีบโห่ร้องปรบมือเสียงดัง นางลิงตกใจทิ้งเครื่องประดับไว้ แล้วโดดหนีอย่างไม่คิดชีวิต
ทหารได้นำเครื่องประดับไปมอบให้แก่ปุโรหิตทันที
ปุโรหิตได้นำไปถวายพระเจ้าพรหมทัต พร้อมกับทูลอุบายที่เขาทำให้ทรงทราบทุกประการ
พระเจ้าพรหมทัตทรงโสมนัส ทรงรับสั่งให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาทั้งห้า พระราชทานรางวัลแก้วเจ็ดประการแก่ปุโรหิต
“ถ้าไม่ได้ท่าน เราคงสั่งฆ่าคนที่ไม่มีความผิดถึง 5 คน….”
ข้อคิดจากชาดก :
คนฉลาดย่อมมีปัญหาคิดไตร่ตรองหาเหตุผลก่อนจะตัดสินใจใดๆลงไป เพื่อจะได้ไม่ลงโทษผิดคน
ประชุมชาดก มหาสารชาดก
พระเจ้าพรหมทัต ได้เกิดเป็น พระอานนท์
ปุโรหิตผู้คิดอุบาย ได้เกิดเป็น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
