Tag Archives: นิทานชาดก

นิทานชาดก ภีมเสนชาดก : ความลืมตัวทำให้ชั่วช้า

เหตุที่ตรัสชาดก ภีมเสนชาดก : ทรงปรารภภิกษุผู้มักโอ้อวดรูปหนึ่งว่าตนเองสูงส่งด้วยชาติกำเนิด ด้วยโคตร ด้วยทรัพย์สินเงินทอง ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติในนครพาราณสี
มีหนุ่มน้อยรูปร่างเตี้ย ค่อม อยู่คนหนึ่ง นามว่า จูฬธนุคคหบัณฑิต ได้เล่าเรียนสำเร็จวิชาศิลปะศาสตร์ 18 ประการ เป็นเลิศในวิชายิงธนู เมื่อเรียนจบเขาคิดจะเข้ารับราชการแต่เกรงว่าคงจะไม่มีใครเชื่อฝีมือเพราะรูปร่างที่เตี้ยกว่าใคร จึงคิดให้คนอื่นเป็นโล่บังหน้า ฝ่ายตัวเขาจะอาศัยเลี้ยงชีพอยู่เบื้องหลังไปพลางก่อน จากนั้นเขาแสวงหาคนที่มีรูปร่างดีอยู่พักใหญ่ ต่อมาได้พบหนุ่มรูปหล่อผู้หนึ่งนามว่าภีมเสน ซึ่งเป็นช่างทอหูก จึงได้ชักชวนและบอกแผนการให้ฟัง ภีมเสนเห็นว่าเป็นงานสบายไม่ต้องทำอะไร จึงตอบตกลง

ทั้งสองจึงไปเฝ้าพระราชาโดย ภีมเสน กราบทูลว่าเขาเป็นนายขมังธนู ส่วน จูฬธนุคคหบัณฑิต เป็นผู้ติดตาม เมื่อภีมเสนได้เข้ารับราชการ ได้เงินเดือนมาเมื่อไรก็นำมาแบ่งกับ จูฬธนุคคหบัณฑิต และงานต่างๆ จูฬธนุคคหบัณฑิต ก็รับทำแทนทุกครั้งไป

ต่อมาปรากฏว่ามีเสือร้ายเที่ยวรังควาญชาวบ้าน พระราชาจึงรับสั่งให้ภีมเสน ออกไปปราบเสือตัวนั้น ภีมเสนเล่าเรื่องให้จูฬธนุคคหบัณฑิตฟัง ยอดมือแม่นธนูก็บอกอุบายให้ โดยอุบายนั้นคือ บอกพวกชาวบ้านให้ถืออาวุธไปยังที่อยู่เสือ เมื่อชาวบ้านรุมทำร้ายเสือนั้นจนตายแล้วให้ภีมเสนออกไป แล้วพูดขู่ว่าใครกันที่ทำร้ายเสือตัวนี้ พระราชาตั้งใจจะจับเป็นมิใช่จับตาย เพียงเท่านี้ชาวบ้านก็จะกลัวพระราชอาญาแล้วก็จะบอกว่าพวกตนไม่เกี่ยว งานนี้ภีมเสนก็จะได้หน้าคนเดียว

นิทานชาดก วิสวันตชาดก : ศักดิ์ศรีของข้า สำคัญกว่าชีวิต

นิทานชาดก วิสวันตชาดก งู

เหตุที่ตรัสชาดก : วันหนึ่งชาวเมืองได้นำขนมที่ทำจากแป้งไปถวายพระรูปหนึ่งในสำนักพระสารีบุตร แต่ท่านไม่อยู่ พระเพื่อนจึงรับไว้แทน เมื่อเวลาสายมากแล้วพระรูปนั้นก็ยังไม่กลับมา พระเพื่อนจึงนำขนมนั้นไปถวายแด่พระสารีบุตร เมื่อท่านฉันแล้ว พระรูปนั้นจึงกลับมา พระสารีบุตรจึงบอกว่าได้ฉันขนมนั้นไปหมดแล้ว พระรูปนั้นจึงจึงกล่าว่า ธรรมดาของอร่อย ใครจะไม่ชอบเล่า พระสารีบุตรเกิดสลดใจ จึงตั้งสัจจะไว้ว่าต่อไปจะไม่ฉันขนมที่ทำด้วยแป้งอีก : วิสวันตชาดก

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีชายชาวชนบทคนหนึ่งถูก งู กัด หมู่ญาติจึงรีบพาเขามาหาหมอประจำหมู่บ้าน หมอคนนี้แกเก่งทางคาถาอาคม และมีวิชารักษาโรคภัย

“เอ้า เข้ามาๆๆ” หมอร้องทัก แล้วจัดแจงเอาเชือกรัดเหนือบาดแผลที่ถูกงูกัดอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันมิให้พิษงูแล่นเข้าสู่หัวใจ แล้วก็ถามคนไข้ขึ้นว่า

“เจ้าจำได้ไหมว่างูที่กัดเจ้า เป็นงูอะไร”

“ฉันไม่รู้หรอก หมอ ตัวอ้วนๆ สีดำสลับเหลือง จ้ะ” เสียงเขาสั่นเครือ

นิทานชาดก วรุณชาดก : ลำดับความสำคัญผิดชีวิตต้องเดือดร้อน

นิทานชาดก วรุณชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก : ทรงปรารภพระติสสเถระบุตรกุฎุมพี ที่บำเพ็ญสมณธรรมโดยรีบเร่งเกินไป เพราะมัวแต่เกียจคร้านไม่มีความเพียร แะติดในรสอาหาร แต่เมื่อเห็นพระเพื่อนบรรลุเป็นพระอรหันต์กันหมดจึงอยากจะเป็นบ้าง จึงกลับมาทำความเพียรอย่างรีบเร่งในเวลาค่ำคืน ทำให้เผลอหลับกลิ้งตกลงมา กระดูกขาของท่านแตก ได้รับความเจ็บปวดมาก : นิทานชาดก วรุณชาดก

ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัต ครองราชสมบัติในนครพาราณสี
ณ เมืองตักกสิลา มีอาจารย์ทิศาปาโมกข์คนหนึ่ง เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดัง มีลูกศิษย์ ถึง 500 คน

วันหนึ่งลูกศิษย์ทั้งหลายได้เข้าป่าเพื่อไปหาฟืน หนึ่งในจำนวนนั้นเป็นคนเกียจคร้าน ได้หลบจากพวกหนีไปนอนหลับอยู่ใต้ต้นกุ่ม

“แอบนอนสักงีบดีกว่า ตื่นมาค่อยหักกิ่งไม้จากต้นนี้ไปทำฟืน” ว่าแล้วก็ล้มตัวนอนลงหลับสนิท

เวลาผ่านไป เพื่อนๆหาฟืนกันได้จำนวนมากแล้วจึงพากันกลับ เห็นเจ้าคนขี้เกียจมาแอบหลับจึงสะกิดด้วยส้นเท้า

“เฮ้ย! มาแอบหลับอยู่ได้ ตื่นได้แล้วโว้ย” เพื่อนคนหนึ่งตะโกนพร้อมกับกระทืบลงกลางหลัง

นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก : ไม่สำรวมจักษุ ศีลทะลุ เหาะไม่ได้

นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก : มีพระภิกษุรูปหนึ่งที่เคยตั้งใจบำเพ็ญเพียรอย่างเคร่งครัด วันหนึ่งออกบิณฑบาตแล้วไปเห็นหญิงสาวสยนางหนึ่ง จึงเกิดกามกำเริบ ไม่บำเพ็ญเพียร ไม่มีความยินดีในเพศบรรพชิต ปล่อยผมยาวรุงรัง และอยากจะสึกออกไปครองเรือน : นิทานชาดก มุทุลักขณชาดก

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีบุตรพราหมณ์ชั้นสูงคนหนึ่งออกบวชเป็นดาบสอยู่ในป่าหิมพานต์ บำเพ็ญเพียรจนได้คุณวิเศษ วันหนึ่งได้เหาะจากป่าหิมพานต์เข้ามายังกรุงพาราณสี เข้าอาศัยอยู่ในอุทยานของพระเจ้าพรหมทัต รุ่งเช้าก็เข้าไปบิณฑบาตในพระนคร

เมื่อพระเจ้าพรหมทัตเห็นเข้า ก็ทรงเลื่อมใส โปรดให้ราชบุรุษนิมนต์มา และปวารณาเป็นอุปถาก ทรงอาราธนาให้ดาบสอยู่ในอุทยานของพระองค์ ดาบสรับอาราธนา แล้วถวายพระพรลากลับไปพักอยู่ในอุทยาน ตอนเช้าก็เข้าไปในพระราชวัง และให้โอวาทชาววัง เป็นเช่นนี้ทุกวัน จนเวลาล่วงเลยมาได้ 16 ปี

ต่อมาครั้งหนึ่ง พระเจ้าพรมทัตเสด็จไปปราบโจรที่ชายแดน ทรงมอบภาระการถวายอาหารดาบสแก่พระมเหสีนามว่า “มุทุลักขณา” ตั้งแต่นั้นดาบสก็เข้าไปฉันในพระราชนิเวศน์ตามเวลาที่ตนพอใจ มิได้จำกัดเวลาเหมือนเมื่อพระราชาทรงประทับอยู่

นิทานชาดก ตักกชาดก : ขอสี่คำ…สำหรับหญิงสองใจ

นิทานชาดก ตักกชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ตักกชาดก : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ต้องการจะสึกออกไปครองเรือน ไม่ยินดีในการบำเพ็ญสมณธรรม วันๆคิดถึงแต่หญิงสาว พระพุทธเจ้าจึงนำเรื่องในอดีตมาเล่าเพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้เห็นโทษภัยของการครองเรือน (เมื่อเล่าจบภิกษุนั้นก็บบรรลุโสดาปัตติผล)

ลูกสาวเศรษฐีคนหนึ่งชื่อว่านางทุษฐกุมารี มีหน้าตาสวยงาม แต่มีนิสัยดุร้ายหยาบคาย ชอบทุบตีบ่าวไพร่อยู่เสมอ วันหนึ่งนางทุษฐกุมารีและบริวารชวนกันไปเล่นน้ำที่ท่าน้ำใกล้บ้าน อยู่ๆท้องฟ้าก็กลับมืดครึ้มดูทีท่าว่าพายุใหญ่จะมา พวกบริวารคิดแก้เผ็ดนางทุษฐกุมารีโดยพากันแอบกลับเรือน แล้วทิ้งนางไว้ให้อยู่ที่นั่นคนเดียว เมื่อพายุมานางจึงโดนน้ำพัดไปและไม่มีใครช่วย จนกระทั้งน้ำพัดนางมาถึงหน้าอาศรมของฤาษีรูปหนึ่ง ฤาษีเห็นจึงได้เข้าไปช่วยและให้พักอยู่ในอาศรมของท่านก่อนเพราะเป็นเวลาดึกมาแล้ว ส่วนตัวท่านฤาษีได้ออกมานอนข้างนอกแทน รุ่งเช้า ฤาษีชีทางให้นางกลับไป แต่นางไม่ยอมกลับเพราะนึกชอบฤาษีขึ้นมา นางจึงทำมิดีมิร้ายกับฤาษีจนฤาษีเสื่อมจากฌาน เป็นดังนี้ฤาษีจึงสึกออกมาเลี้ยงดูนางทุษฐกุมารี โดยได้ออกมาทำการค้าขายเปรียงอยู่ที่บ้านชายแดน และใช้ชื่อเดิมว่าตักกบัณฑิต

นิทานชาดก นิทานชาดก อัณฑภูตชาดก : เธอเลวทรามยามลับตา

นิทานชาดก อัณฑภูตชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก นิทานชาดก อัณฑภูตชาดก : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ต้องการจะสึกออกไปครองเรือน พระองค์ตรัสสอนว่า ขึ้นชื่อว่าหญิงทั้งหลาย ใครๆ ก็รักษาไว้ไม่ได้ ในครั้งก่อน บัณฑิตทั้งหลายถึงจะรักษาหญิงไว้ตั้งแต่ออกจากครรภ์ ก็ไม่อาจรักษาไว้ได้ (เมื่อเล่าจบภิกษุนั้นก็บบรรลุโสดาปัตติผล)

พระราชาทรงพอพระทัยที่จะเล่นสกากับท่านปุโรหิต เมื่อพระองค์ต้องการใช้สมาธิ พระองค์จะร้องเพลงขึ้นมาก่อนว่า “หญิงทั้งหลายชอบมีชู้เมื่อนางอยู่ลับตาคน” แล้วก็ทอดลูกบาศก์ ปรากฏว่าพระราชาชนะปุโรหิตทุกครั้ง ปุโรหิตจึงคิดว่าถ้าทำให้เพลงของพระราชาเป็นเท็จได้พระราชาจะเสียสมาธิและตนจะเป็นผู้ชนะบ้าง ปุโรหิตจึงไปหาหญิงท้องแก่ เพื่อจะซื้อเด็กในท้องมาเลี้ยงไว้เป็นเมียตน ตลอดระยะเวลา 16 ปี ปุโรหิตได้ป้องกันนางไว้ให้อยู่แต่ในบ้าน ไม่ให้พบชายอื่นเลย เมื่อถึงเวลา ปุโรหิตจึงให้นางได้เป็นภรรยา

ต่อมาปุโรหิตได้ไปเล่นสกากับพระราชอีก เมื่อพระราชาได้ร้องเพลงเดิม ว่า “หญิงทั้งหลายชอบมีชู้เมื่อนางอยู่ลับตาคน” ปุโรหิตจึงร้องแก้ว้า “เว้นน้องนางหน้ามนไว้หนึ่งคนไม่มีชู้” และประโยคนี้ก็ทำให้ปุโรหิตชนะการเล่นสกากับพระราชาจริงๆ พระราชาไม่เชื่อว่าจะมีหญิงที่รักเดียวใจเดียวอยู่อีก จึงให้อำมาตย์ไปสืบดู จนได้ความทั้งหมด พระราชาจึงวางแผนกับนักเลงคนหนึ่ง ให้เขาไปเป็นชู้กับภรรยาสาวของท่านปุโรหิต

นิทานชาดก อาสาตมันตชาดก : แม่เฒ่าตัญหากลับ

นิทานชาดก อาสาตมันตชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก อาสาตมันตชาดก : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ต้องการจะสึกออกไปครองเรือน ทรงตรัสสอนว่า ขึ้นชื่อว่าหญิงส่วนมาก ไม่น่ายินดี ไร้สติ ลามก เป็นผู้มีเบื้องหลัง แม้สังขารจะร่วงโรยแก่มากแล้วแต่ความมักมากในกามก็ยังมีอยู่  แล้วทรงนำเรื่องในอดีตมาเล่า (เมื่อเล่าจบภิกษุนั้นก็บบรรลุโสดาปัตติผล)

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีตระกูลพราหมณ์ตระกูลหนึ่ง กระทำการบูชาไฟมาตั้งแต่วันที่บุตรของเขาเกิด โดยจุดไฟไว้ไม่ให้ดับเลย จนถึงวันที่บุตรของเขามีอายุได้ 16 ปี ผู้เป็นพ่อจึงได้ถามลูกชาย

ลูกรักของพ่อ บัดนี้เจ้าก็โตเป็นหนุ่มแล้ว เจ้าอยากออกบวชหรืออยากครองเรือนล่ะ ถ้าหากเจ้าต้องการจะไปเกิดในพรหมโลกก็จงถือไฟนั้นเข้าป่า บูชาพระอัคนีเทพเจ้า แต่ถ้าเจ้าอยากจะอยู่ครองเรือนก็จงไปสู่เมืองตักสิลา ร่ำเรียนวิชาให้เจนจบ แล้วค่อยมารับมรดกของพ่อเถิด”

แหมพ่อ ฉันยังหนุ่มยังแน่น จะให้ฉันออกบวชได้อย่างไรกัน ฉันจะไปเรียนวิชาในสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ แล้วจะกลับมาแต่งงานจ้ะพ่อ” ลูกชายบอกตามตรง

นิทานชาดก วานรินทชาดก : ลิงหลอกเข้

นิทานชาดก วานรินทชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก วานรินทชาดก : ทรงปรารภการพยายามปลงพระชนม์ของพระเทวทัตที่มีต่อพระองค์ อยู่หลายครั้ง ที่ไม่ใช่เฉพาะในชาตินี้เท่านั้น แต่ไม่ว่าชาติไหนหากเกินมาเจอกัน จะเป็นมานุษย์หรือสัตว์ก็ตาม พระเทวทัตก็คิดประทุษร้ายพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ แล้วทรงนำนิทานมาเล่าให้ฟัง

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีลิงหนุ่มร่างกายกำยำตัวหนึ่ง อาศัยอยู่แนวฝั่งแม่น้ำ กลางแม่น้ำนั้นมีเกาะแห่งหนึ่งที่อุดมสมบูรณ์ด้วยผลหมากรากไม้นานาชนิด ลิงตัวนี้มีกำลังวังชามาก จึงสามารถกระโดดจากฝั่งไปยังเกาะนั้นได้ โดยอาศัยแผ่นหินที่อยู่ระหว่างฝั่งกับเกาะเป็นตัวช่วย แล้วจึงกระโดดจากแผ่นหินนั้นข้ามไปยังเกาะอีกทีหนึ่ง มันเที่ยวเล่นอยู่ที่นั่นทั้งวัน จนกระทั่งเย็นจึงกระโดดข้ามกลับไปยังที่อยู่ของมัน มันทำเช่นนี้อยู่เป็นประจำทุกวัน

ในครั้งนั้น มีจระเข้ตัวหนึ่งอาศัยอยู่กับเมียสาวในน่านน้ำนั้นด้วย ฝ่ายจระเข้ตัวเมียที่กำลังท้องเห็นลิงกระโดดข้ามไปมาดังนั้นก็เกิดแพ้ท้อง อยากกินหัวใจลิงขึ้นมาทันใด

นิทานชาดก กัญจนขันธชาดก : ทองคำใต้ดินในถิ่นของผู้หวงแหน

นิทานชาดก กัญจนขันธชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก กัญจนขันธชาดก : ทรงปรารภภิกษุรูปหนึ่งที่ต้องการจะสึกเพราะคิดว่าตนไม่อาจรักษาศีลที่มีมากมายนั้นได้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงย่อศีลทั้งหมดเหลือ 3 ข้อ คือ การไม่ประพฤติผิดทางกาย ทางวาจา และทางใจ ภิกษุรูปนั้นเมื่อกลับไปก็พิจารณาว่าจริงๆแล้วศีลมากมายนั้นมันก็มีแค่ 3 ข้อนี้เอง แล้วเจริญวิปัสนาจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีชาวนาคนหนึ่งเข้าไปทำนาในเขตบ้านร้างแห่งหนึ่ง ซึ่งแต่ก่อนเคยเป็นบ้านของมหาเศรษฐี ก่อนตายเขาได้ฝังทองแท่งขนาดใหญ่เท่าโคนขา ยาวประมาณ 4 ศอกไว้ที่นั่นด้วย เมื่อเศรษฐีตายไป ครอบครัวเขาก็ย้ายบ้านไปอยู่ในเมือง ปล่อยให้ที่ตรงนั้นรกร้างว่างเปล่า

นิทานชาดก ผลชาดก : เตือนแล้วนะ! อย่ากินมะม่วง

นิทานชาดก ผลชาดก

เหตุที่ตรัสชาดก ผลชาดก : มีอุบาสกในเมืองสาวัตถีคนหนึ่งได้นิมนต์พระพุทธเจ้าและหมู่พระภิกษุสงฆ์ไปยังสวนของตน เมื่อได้ถวายของขบฉันแล้ว จึงหันไปสั่งกับคนสวนของเขาว่าให้พาพระภิกษุทั้งหลายเที่ยวชมสวนและถวายผลไม้ต่างๆแก่ท่านด้วย คนเฝ้าสวนรับคำ แล้วพาภิกษุสงฆ์เที่ยวไปในสวนดูต้นไม้และผลไม้ด้วยความชำนาญ จนพระต่างพากันชื่นชมโจษขาน พระพุทธเจ้าจึงเล่าให้ฟังว่า คนที่ชำนาญในการดูผลไม้นั้นไม่ได้มีแค่เพียงท่านนี้ แม้ในอดีตก็เคยมีมาแล้ว

ในอดีตกาล  เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติในนครพาราณสี

มีพ่อค้าเกวียนคนหนึ่งบรรทุกเกวียนห้าร้อยเล่มออกไปค้าขายยังต่างเมืองพร้อมกับลูกน้องอีกหลายร้อยคน ครั้งหนึ่งต้องเดินทางไกลผ่านป่าแห่งหนึ่ง ในขณะที่อยู่ชายป่า เขาได้บอกกับลูกน้องว่า

“เดี๋ยวเราจะต้องเดินทางเข้าป่าแล้ว ในป่ามีผลหมากรากไม้จำนวนมากที่มีพิษ หากผลไม้ต้นไหนที่พวกเจ้าไม่เคยกินหรือเห็นผิดสังเกต ให้มาถามเราก่อนนะ”

“ครับ หัวหน้า” ลูกน้องต่างก็เชื่อฟัง

และในไม่ช้าไม่นาน ลูกน้องคนหนึ่งก็วิ่งมาหาหัวหน้าพ่อค้าเกวียน

“หัวหน้า ตรงโน้นมีต้นมะม่วงสุกเต็มต้นเลย ท่านลองไปดูสิครับ ลูกโตน่ากินชะมัด”